ผู้ส่งออกข้าว ชี้ นายกฯ ขายฝัน ทลายทุนผูกขาดส่งออกข้าว

ผู้ส่งออกข้าว ชี้ นายกฯ ขายฝัน ทลายทุนผูกขาดส่งออกข้าว

ผู้ส่งออกข้าว ยันไม่มีทุนผูกขาดส่งออกข้าว แข่งขันอย่างเสรี ไม่ขัดยกเลิกสต๊อกข้าว 500 ตัน เกษตรกรขายข้าวเอง ถามกลับนโยบายขายฝันทำได้จริงหรือไม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีให้แก่ข้าราชการระดับสูง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2567 ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง”

ส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลจะดำเนินการในปี 2568 จะเป็นการทลายทุนผูกขาดครอบคลุมสินค้า 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.พลังงาน 2.ข้าว 3.สุราชุมชน

ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดแนวทางการทลายทุนผูกขาดการส่งออกข้าว 3 ขั้นตอนประกอบด้วย 

1.ลดขั้นตอนการขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกข้าว ซึ่งเดิมต้องมีสต๊อกข้าว 500 ตัน (20 ตู้คอนเทนเนอร์) โดยจะปลดล็อกการกำหนดสต๊อกข้าวส่งออกด้วยการแก้ไขประกาศฉบับที่ 150 เรื่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวขออนุญาตประกอบการค้าข้าว ตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ.2489 เพื่อปรับลดสต๊อกข้าวสำหรับผู้ส่งออกลง

2.ปรับขั้นตอนการขออนุญาต จดทะเบียน ออกฟอร์ม และการลดต้นทุน

3.สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ของวงการข้าวไทยในตลาดโลกครอบคลุมข้าวพื้นนุ่ม และข้าวเพื่อสุขภาพ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จะแก้ปัญหาผูกขาดทุกชนิด การผูกขาดนั้นเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ประชาชน และทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง รัฐบาลจะเร่งดำเนินการปลดล็อกการผูกขาด โดยเฉพาะเรื่องข้าวที่ตั้งเป้าให้เกษตรกรทุกคน และผู้ค้าข้าว SMEs สามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้เอง

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การที่กฎหมายระบุให้การส่งออกต้องมีที่เก็บข้าว 500 ตัน ทำให้เกษตรทำไม่ได้ รัฐบาลจะปลดล็อกเรื่องนี้ เพื่อส่งออกข้าวจากตัวเองได้นั้น เรื่องนี้เป็นกฎหมายออกมาบังคับใช้นานแล้ว ซึ่งหากจะแก้ไขไม่ต้องมีสต๊อกเก็บข้าว ทางผู้ส่งออกก็ไม่ได้ขัดข้อง 

สำหรับเป้าหมายการกำหนดให้มีที่เก็บข้าว 500 ตัน เพื่อป้องกันหากเกิดการขาดแคลนการส่งออกข้าวเท่านั้น โดยไม่ได้มีประเด็นการผูกขาดทั้งสิ้น ซึ่งการส่งออกข้าวเป็นการค้าเสรี (ฟรีเทรด) ใครที่มีความสามารถก็เป็นผู้ส่งออกได้ ซึ่งผู้ส่งออก และโรงสีข้าวในประเทศมีอยู่หลายพันราย ไม่มีเพียงรายเดียว ดังนั้นหากจะยกเลิกก็ได้เพราะไม่ได้ทำให้การแข่งขันน้อยลง

นอกจากนี้ หากรัฐบาลต้องการให้ชาวนา และเอสเอ็มอีส่งออกข้าวได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ข้อเท็จจริง คือ ชาวนา และเอสเอ็มอี จะส่งออกได้หรือไม่ เพราะต้องดูข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มปลูก และผลผลิตข้าวเปลือก จากนั้นต้องสีเป็นข้าวสาร 

รวมทั้งการส่งออกต้องมีใบอนุญาต และมีค่าใช้จ่ายด้านเอกสาร รวมถึงการหาตลาดส่งออกเอง โดยประเด็นที่รัฐบาลต้องการทำให้ราคาข้าวดีขึ้นนั้นก็คงไม่ใช่เพราะต้องขึ้นอยู่กับกลไกตลาดทั้งดีมานด์ และซัพพลาย

นายชูเกียรติ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครให้ข้อมูลนายกฯ และที่บอกว่าใครจะส่งออกต้องเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยก็ไม่จริง โดยข้อเท็จจริง คือ การส่งออกข้าวหอมมะลิต้องเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสี สมาคมข้าวถุง เพราะต้องพิจารณาผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิมีศักยภาพส่งออกข้าวดีมีคุณภาพ ส่วนการส่งออกข้าวชนิดอื่นไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสมาคมใดเลย

ที่บอกว่านายทุนผูกขาด ถือว่ารุนแรงมาก ผู้ส่งออกก็ทำตามกฎระเบียบที่วางไว้ ขอย้อนถามว่า เกษตรกรจะส่งออกเองได้หรือ อย่าขายฝัน ยืนยันไม่มีการผูกขาดในการส่งออก ขายข้าว” นายชูเกียรติ กล่าว

สำหรับการส่งออกข้าวในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – ต.ค.) ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 8.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20% มีมูลค่า  191,031 ล้านบาท (ประมาณ มูลค่า 5,411 ล้านดอลลาร์)   เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 40%

แบ่งเป็น ข้าวขาวมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 5.18 ล้านตัน คิดเป็น 62% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย 1.37 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 1.01 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.54 ล้านตัน ข้าวเหนียว 0.23 ล้านตัน และข้าวกล้อง 0.02 ล้านตัน

ตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ซึ่งไทยส่งออกข้าวไปอินโดนีเซียมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 1.12 ล้านตัน คิดเป็น 13% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด 

รองลงมา ได้แก่ อิรัก 0.95 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23 %) แอฟริกาใต้ 0.72 ล้านตัน (ลดลงจากปีก่อน 12%) สหรัฐอเมริกา 0.70 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21%) และฟิลิปปินส์ 0.49 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 250%)

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์