‘พิชัย’ ลุยแก้หนี้เฟส 2 เติมสินเชื่อ ล็อกเป้าใช้ทุนสำรองฯ ช่วยประชาชน
“คลัง” หวังแก้หนี้ช่วยเพิ่มแรงฟื้นเศรษฐกิจ คาดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนลดลงมากกว่า 10% เล็งเฟสต่อไปอัดสินเชื่อเข้าระบบ 1 ล้านล้าน ถกแบงก์ปล่อยสินเชื่อแบบผ่อนคลาย ชี้แหล่งเงินมีทุนสำรองระหว่างประเทศราว 4-5 ล้านล้าน สภาพคล่องเหลือเฟือที่นำมาใช้ได้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงงการคลัง กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลได้เริ่มเดินหน้านโยบายเร่งด่วนตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ ในการแก้ไขหนี้ครัวเรือนและเอสเอ็มอี ให้พร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะทยอยเห็นสัดส่วนหนี้เสีย (NPL) ที่ลดลง มีเม็ดเงินเหลือที่ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเหลือยอดหนี้รวมทั้งหมดราว 8.9 แสนล้านบาท และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็คาดว่าจะช่วยลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลงมากกว่า 10% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี
สำหรับการดำเนินมาตรการในเฟสต่อไปจะเป็นการเติมสินเชื่อเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อในชนบท เบื้องต้นประเมินวงเงินสินเชื่อไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท ให้เกิดการนำไปลงทุนที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ ปัจจุบันภาวะการปล่อยสินเชื่อของธนาคารอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากแบงก์ประเมินว่าลูกหนี้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นก็มองว่าการปล่อยสินเชื่อควรเป็นไปอย่างผ่อนคลายมากขึ้นตามขีดความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นเร็วใน 3-6 เดือน
การปล่อยสินเชื่อเป็นเรื่องที่ต้องทำคู่ขนานกันไปในส่วนของแบงก์รัฐ ขณะที่ในส่วนของแบงก์พาณิชย์จะต้องมีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่อไป ให้พิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างผ่อนคลายมากขึ้น
นายพิชัย กล่าวว่า เงินทุนสำรองระหว่างประเทศในปัจจุบันมีสภาพคล่องสูงราว 4-5 ล้านล้านบาท ซึ่งเหลือเฟือที่สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชน