OR เทคออฟธุรกิจใหม่ ‘ดิษทัต’ ส่งต่อ ‘ม.ล.ปีกทอง’ CEO ใหม่

“ดิษทัต” ส่งไม้ต่อ CEO คนที่ 3 “มล.ปีกทอง” ย้ำปี 68 ปีแห่งการลงทุนครั้งใหญ่ หลังถอดธุรกิจไม่สร้างกำไรทิ้ง สร้างความแข็งแกร่งทุกธุรกิจ พร้อมปรับพอร์ตหนุน EBITDA เพิ่มจาก 27% เป็น 30% ดันแผนลงทุนครั้งใหญ่เข้าบอร์ด 11 ธ.ค. นี้ เทคออฟลงทุนธุรกิจไลฟ์สไลต์ดาวเด่นดันองค์กรโต
KEY
POINTS
- OR กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เมื่อนายดิษทัต ปันยารชุน CEO คนที่ 2 กำลังจะครบวาระวันที่ 11 ธ.ค.2567 และส่งต่อตำแหน่งให้ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่
- OR วางกลยุทธ์การพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการดำเนินงาน การเตรียมโครงสร้างความพร้อมสำหรับบุคลากร โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิด Digital Transformation
- OR ต้องเทคออฟ EBITDA เป็น 30% จาก 27% เพราะเอาธุรกิจที่ไม่ได้ทำกำไรออกไปแล้ว และปี 2568 จะเป็นปีแห่งการลงทุน ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญกับ CEO คนใหม่ จะต้องหาโอกาสการลงทุนให้ได้
บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เมื่อนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซีอีโอคนที่ 2 กำลังจะครบวาระและส่งต่อตำแหน่งให้ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ที่จะมีผลในวันที่ 12 ธ.ค.2567
นายดิษทัต กล่าวว่า จากการเริ่มต้นทำงานในสายงานเทรดดิ้ง ปตท.สู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำ OR โดยวางรากฐานสำคัญขององค์กรผ่านแนวคิด RISE OR ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ (R - Result-oriented) การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด (I - Intelligence) การร่วมกันทำร่วมกันเติบโต (S - Synergy) และการสร้าง Mindset แห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจ (E - Entrepreneurship)
พร้อมทั้งผลักดันการเปลี่ยนแปลงในการทำงานขององค์กร โดยส่งเสริมให้บุคลากรก้าวออกจาก Comfort Zone ที่จำกัดอยู่ในพื้นที่ความถนัดเดิมสู่ Growth Zone ที่เปิดรับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพใหม่
รวมทั้งวางกลยุทธ์การพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการดำเนินงาน การเตรียมโครงสร้างความพร้อมสำหรับบุคลากรใน OR การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอกองค์กร และการกำกับดูแลกิจการที่ดี
โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิด Digital Transformation ด้วยการเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บูรณาการการจัดการระหว่างธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกด้วยระบบ SAP S/4HANA ใน 2 อุตสาหกรรม
พร้อมพัฒนาระบบติดตามและควบคุมการดำเนินงานแบบศูนย์รวม (Dashboard Control Tower) ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ รวมถึงต่อยอดสู่การพัฒนาสู่ธุรกิจใหม่ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้อมูลทางธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตร
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา OR ได้เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจในหลายด้านโดยเฉพาะการพัฒนาด้านที่มีความคล่องตัว (Mobility) ผ่านการเป็น Thailand Mobility Partner ที่ขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด
ควบคู่กับการผลักดันการใช้เชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน (SAF) ร่วมกับการบินไทย เวียตเจ็ทแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมทั้งปรับ Mode การขนส่งโดยเพิ่มการใช้ขนส่งทางท่อแทนทางรถยนต์หรือรถไฟ เพื่อการบริหารจัดการด้านระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพที่สุด
“ส่วนการที่กรมสรรพสามิตจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 ธ.ค.2567 เพื่อเก็บภาษีคาร์บอนในน้ำมันนั้น ส่วนตัวขอรอดูก่อนว่าจะมีการนำเสนอได้จริงเหรือไม่ ซึ่งด้วยเทรนด์การทำธุรกิจสู่เป้าหมายความยั่งยืน โออาร์ได้ร่วมมือกับกลุ่มปตท. ผลักดันน้ำมัน SAF ทำงานใกล้ชิด โดยเราจะทำการตลาด และจะเพิ่มสัญญากับอีก 1 สายการบินในช่วงเดือนม.ค.2568 เพราะเราเลี่ยงไม่ได้เรื่องนี้เพราะยุโรปมีข้อกำหนดบังคับให้เติมซึ่งในไทยอีกไม่นานจะบังคับให้เติม 2% ถือว่าสัดส่วนไม่น้อย”
ทั้งนี้ จากการที่โออาร์มีคลังน้ำมัน 21 คลังทั่วประเทศ เมื่อสินทรัพย์เยอะก็ไม่ดีถ้าไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์จะเป็นต้นทุน ซึ่งต้องบริหารจัดการให้เกิดการใช้ถึง 60% ไม่อย่างนั้นจะไม่คุ้มค่า อีกทั้ง เวลาเรามีการขนส่งน้ำมันผ่านเรือน้ำมันมา 1 ลำเรือมูลค่าเกือบ 5 พันล้านบาท เดือนหนึ่งราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่รวมน้ำมันดิบ และการซื้อขายล่วงหน้า จึงต้องดึงเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการ จะได้ไม่ต้องขาดทุนสต็อกน้ำมันเหมือนเช่นไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา
ลุยธุรกิจไลฟ์สไตล์“ดาวรุ่ง”
นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจไลฟ์สไตล์ผ่านการเปิดร้าน found&found แบรนด์เฮลท์แอนด์บิวตี้รีเทลรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพและความงาม โดยวางแผนขยายเป็น 10 สาขาในปี 2025
พร้อมทั้งบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นจาก 27% เป็น 30% โดยการตัดสินใจขายสินทรัพย์ในธุรกิจที่ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ รวมถึงเป็นธุรกิจที่โออาร์ไม่ถนัดออก อาทิ ไก่เท็กซัส ร้านอาหารโคเอ็น แอปพลิเคชั่น FIXX ลงทุนแมน และ OR CHINA หรือร้านอเมซอนประเทศในจีน
“ปีหน้า OR จะต้องเทคออฟ EBITDA ขึ้นไปเป็น 30% จากปีนี้ 27% เพราะเอาธุรกิจที่ไม่ได้ทำกำไรหรือโตไม่ไหวออกไปแล้ว และปี 2568 นี้ จะเป็นปีแห่งการลงทุนของ OR ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญกับ CEO คนใหม่ จะต้องไปหาโอกาสในการลงทุนให้ได้ โดยมองไปถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์เป็นดาวรุ่งที่อยากเห็นเป้าหมายกำไรของกลุ่มถึง 50%"
โดยเฉพาะธุรกิจ found&found จะเป็นธุรกิจที่เติบโตได้แน่นอน เพราะธุรกิจ health&wellness ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ ซึ่งจะสามาถผลักดันให้ธุรกิเติบโตและผลักดันให้โออาร์ขยายตัวขึ้น แต่จะต้องมีการลงทุนกับพาทเนอร์ที่ใหญ่และสร้างอิมแพ็คให้ได้ ซึ่งการประชุมบอร์ดโออาร์วันที่ 11 ธ.ค. 2567 นี้ จะพิจารณางบลงทุนครั้งใหญ่ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด
เร่งธุรกิจรีเทล“มิกซ์ยูส”
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา Retail Mixed-Use Platform รูปแบบใหม่ผ่าน PTT Station Flagship ที่มี ธุรกิจ Non-oil ถึง 80% และต่อยอดสู่ OR Space ที่มุ่งเน้นธุรกิจ Non-oil 100% รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับความ สำเร็จในธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดย Café Amazon ทำยอดขายกว่า 1 ล้านแก้ว ต่อวัน ดังนั้นโออาร์จะผลิตแก้วเองเพื่อลดต้นทุนโดยอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส4/2568
“ต้องประบโครงสร้างโออาร์ เช่น Café Amazon ที่ทำมาได้ดีรุ่นสู่รุ่น 20 ปีมานี้ถือว่าดีมาก แต่เวลานี้ด้วยสถานการณ์เปลี่ยนไปจะต้องปรับเพื่อให้ธุรกิจไปได้และดีมีประสิทธิภาพ ในไทยสาขากว่า4,200 สาขา ต่างประเทศ 400-500 สาขา เป็นอันดับ 6 ของโลกจึงต้องขยายความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต้นน้ำผ่าน Café Amazon Park ที่ จ.ลำปาง”
รวมถึงการเปิดจุดรับซื้อและโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรชุมชนในพื้นที่แล้วกว่า 370 ตัน เพื่อช่วยเกษตรกรชุมชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางกดราคามาตลอด ซึ่งนอกจากจะเป็นโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟต้นแบบแล้ว ยังสร้างการเติบโตร่วมกับชุมชนตามแนวทาง OR SDG ด้วยการพัฒนาระบบ KALA Application เพื่อรวบรวมข้อมูลเกษตรกร พื้นที่ปลูก และคุณภาพเมล็ดกาแฟ
“เราทำทั้งระบบต้นน้ำยันปลายน้ำ เพราะความต้องการกาแฟในไทยอยู่ที่ 6.5หมื่นตันต่อปี แต่มีซัพพลายเพียง 2 หมื่นกว่าตัน ที่เหลือนำเข้ากว่า 60% เพราะไทยสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกเพราะปลูกจึงต้องรณรงค์ให้เกษตรกรปลูกกาแฟโดยโออาร์จะเข้าไปรับซื้อเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง”
นายดิษทัต กล่าวว่า OR ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อ เนื่อง โดยวางรากฐานผ่านการลงทุนใน PTT (Cambodia) หรือ PTTCL ใน ฐานะ Second Homebase พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้ง Marine Terminal และสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ถนนหุนเซนบูเลอวาร์ด ควบคู่กับการต่อยอดโครงการ Project ONE ในประเทศฟิลิปปินส์ หรือ PTTPC ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งภายในกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ยังขยายโอกาสทางธุรกิจสู่เวียดนาม ผ่านการสร้างฐานธุรกิจ LPG แห่งใหม่ และขยายแหล่งจัดหาเมล็ดกาแฟใน สปป.ลาว เพื่อรองรับความ ต้องการที่เพิ่มขึ้น
ส่งต่อ CEO ใหม่เทคออฟองค์กร
นายดิษทัต กล่าวว่า อยากฝากคนในโออาร์ให้รักองค์กรเยอะ ไม่ต้องกลัวผู้มีอิทธิพล ต้องเข้มแข็งให้เป็นคนดีของประเทศไทย ต้องไม่โกงและคอร์รัปชั่น ในอนาคตโออาร์จะเจริญรุ่งเรืองแน่นอนเหมือนซึ่งตอนนี้ยังเหมือนเครื่องบิน take off
ดังนั้น การเปิดกลุ่มดิจิทัลจะช่วยทรานฟอร์มขับเคลื่อนธุรกิจตามเทรนด์โลก อีกทั้งยังมั่นใจว่า ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ที่จะมารับตำแหน่ง CEO ใหม่วันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมารับงานต่อเพราะเป็นคนเก่งและเป็นลูกหม้อ ซึ่งตนได้ส่งมอบงานและเสนอแผนงานทุกอย่างไว้หมดแล้ว
“หลักคิดสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรว่า การจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อน ต้องกล้าที่จะ Disrupt ตัวเองก่อนที่จะถูก Disrupt จากภายนอก"
พร้อมเตรียมรับมือกับคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรมและแพลตฟอร์ม ไม่รอให้อนาคตมาถึง แต่ต้องลงมือสร้างอนาคตเอง และที่สำคัญคือต้องสื่อสารพันธกิจขององค์กร ให้ชัดเจนและสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของ OR ในการกล้าที่จะออกจากComfort Zone เพื่อก้าวสู่บทใหม่แห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
เร่งขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน
สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน นายดิษทัต กล่าวก่อนหน้านี้ว่า นโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดเป้าหมายองค์กรในปี 2573 หรือ OR 2030 Goals ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ โดยครอบคลุมการดำเนินงานใน 3 มิติ ประกอบด้วย มิติสิ่งแวดล้อม (Planet) มิติสังคม (People) และมิติเศรษฐกิจ (Performance) ได้แก่
1.ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ธุรกิจและชุมชนรอบพื้นที่ธุรกิจในระยะทาง 5 กม. ซึ่งมีจำนวนกว่า 17,000 ชุมชน หรือมากกว่า 12 ล้านชีวิต
2.การสร้างการเติบโต สร้างอาชีพ และการกระจายความมั่งคั่งสู่คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ประกอบการขนาดย่อม พนักงาน มากกว่า 1 ล้านราย ผ่านการเติบโตโดยการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ
3.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ เพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด ให้ได้มากกว่า 1 ใน 3 จากการดำเนินธุรกิจเมื่อเทียบกับปี 2565
นอกจากนี้ได้กำหนดแนวคิดการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะเติบโตเคียงข้างชุมชน เศรษฐกิจและสังคม เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ