หอการค้า-เอสเอ็มอี รุมค้านขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ชี้เวลายังไม่เหมาะสม

หอการค้า-เอสเอ็มอี รุมค้านขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ชี้เวลายังไม่เหมาะสม

 “พิชัย นริพทะพันธุ์ ” เผยแนวคิดคลังขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังไม่ตกผลึก โยนคลังตอบขึ้นหรือไม่ ขณะที่หอการค้าไทย สมาพันธุ์เอสเอ็มอีค้าน ชี้ไม่ใช่เวลาปรับขึ้นภาษี เหตุเศรษฐกิจยังโตต่ำ ประชาชน-ธุรกิจหนี้บาน หวั่นทำเอสเอ็มอีเลี่ยงเข้าสู่ระบบแวต 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่กระทรวงการคลังอาจปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จาก 7% เป็น 10% หรือ 15% ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดของกระทรวงการคลัง ไม่ใช่ของกระทรวงพาณิชย์ และเป็นเรื่องที่ยังไม่ตกผลึก จึงอยากให้กระทรวงการคลังชี้แจงเองจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ดูแลราคาสินค้า ค่าครองชีพประชาชน หากจะปรับขึ้นแวตจริง จะกระทบกับราคาสินค้า เงินเฟ้อ และค่าครองชีพประชาชนหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว อย่าเป็นห่วง ทุกอย่างมีคำตอบให้แน่

 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพดานแวตไทย อยู่ที่ 10% แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังเติบโตในระดับต่ำไม่ถึง 2% ทำให้รัฐบาลที่ผ่านๆ มา ยังคงต่ออายุการเก็บแวตไว้ที่ 7% เท่านั้น และในปีนี้ เศรษฐกิจไทยยังเติบโตอยู่ในระดับเช่นเดิม ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะปรับขึ้น 

หากรัฐบาลจะปรับขึ้น ก็คงไม่ปรับขึ้นในทันที คงต้องหารือกับภาคเอกชนก่อน เพราะการจะปรับขึ้นจาก 7% เป็น 10% หรือ 15% จะส่งผลกระทบต่อทั้งประชาชน และภาคเอกชน โดยเฉพาะอาจทำให้มีการเลี่ยงการเข้าสู่ระแบบแวต

“ปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่สามารถเก็บแวตจากผู้ประกอบการจำนวนมาก เพราะยังไม่เข้าสู่ระบบแวต โดยเฉพาะเอสเอ็มอี และผู้ที่ค้าขายผ่านอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งคิดเป็นเงินจำนวนมหาศาล ถ้ารัฐบาลจะเก็บแวตเพิ่มขึ้นอีก ก็เกรงว่า จะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ เลี่ยงการเข้าสู่ระบบแวตได้ รัฐบาลต้องผลักดันให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ เข้าสู่ระบบแวต และเข้าสู่ระบบภาษีให้มากขึ้น และมองว่า หากรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 5% กระจายรายได้สู่ประชาชนให้มากขึ้น การปรับขึ้นแวต ก็น่าจะรับได้”

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะปรับขึ้นแวต เพราะเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่ำ ประชาชนมีปัญหาหนี้ครัวเรือน และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ยังมีปัญหาหนี้สิน ทางที่ดี รัฐบาลควรผลักดันให้ธุรกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใต้ดิน ธุรกิจต่างๆ ที่เป็นนอมินีของคนต่างด้าว (คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้ทำธุรกิจในไทยโดยเลี่ยงกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว) ฯลฯ เพื่อที่รัฐบาจะจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นเงินจะไหลออกนอกประเทศหมด รวมทั้งต้องดึงแรงงานนอกระบบ ที่มีมากถึงราว 50% ของแรงงานในระบบ ให้เข้าสู่ระบบมากขึ้นด้วย