“AI”ยุทธศาสตร์เปลี่ยนรูปการค้าโลกWTO ชี้ช่วยลดต้นทุน-เติมศักยภาพธุรกิจ

“AI”ยุทธศาสตร์เปลี่ยนรูปการค้าโลกWTO ชี้ช่วยลดต้นทุน-เติมศักยภาพธุรกิจ

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIในภาคการค้ากำลังมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนเรียกได้ได้ว่าสามารถเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่วมของการค้า(reshape)ได้เลยทีเดียว

ข้อมูลจากรายงาน “Trading with Intelligence: How AI Shapes and is Shaped by International Trade”  หรือ“การค้าโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์: AI มีอิทธิพลต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างไร” จัดทำและเผยแพร่โดย องค์การการค้าโลก (WTO)สาระส่วนหนึ่งระบุว่า 

ผลกระทบของ AI เชิงสร้างสรรค์ต่อผลผลิต McKinsey (2023) ประมาณการว่า AI เชิงสร้างสรรค์สามารถเพิ่มมูลค่าได้ระหว่าง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ ถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี 

ขณะที่Goldman Sachs (2023) ประมาณการว่าการนำ AI เชิงสร้างสรรค์มาใช้อย่างแพร่หลายอาจเพิ่มการเติบโตของผลผลิตแรงงานโดยรวมได้ประมาณ 1.5% ต่อปีในช่วง 1 ทศวรรษ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับที่เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลกในอดีต เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 

อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดโดย Acemoglu (2024) คาดการณ์ว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นจริงๆเพียงเล็กน้อย อยู่ระหว่าง 0.55%  -0.71%  ในช่วงเวลา 10 ปี

องค์การการค้าโลกหรือ WTO จัดการประชุมเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัญญาประดิษฐ์และการค้าโลกเป็นครั้งแรกโดยใช้หัวข้อการประชุมเดียวกับรายงานที่เผยแพร่ออกมาเมิื่อเร็วๆนี้ เพื่อสำรวจโอกาสและความท้าทายที่AI นำมาสู่การค้าโลก

 การประชุมครั้งนี้ได้รวบรวมตัวแทนจากภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ซึ่งได้หารือถึงผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ต่อการค้าบริการ ศุลกากร เกษตรกรรม และทรัพย์สินทางปัญญา และวิธีรับประกันว่าปัญญาประดิษฐ์จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นให้ข้อมูลไปยังภาคนโยบายที่จะนำAI มาใช้เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทั้ังในมุมการกระตุ้นการเติบโตและการจัดการกับความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้นจาก AI 

สำหรับรายงานฉบับนี้ มาจากการสำรวจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของ AI ต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเน้นย้ำถึงวิธีการที่ AI สามารถลดต้นทุนการค้าได้โดยการปรับปรุงการจัดการด้านโลจิสติกส์ การทำให้การปฏิบัติตามกฎระเบียบง่ายขึ้น และปรับปรุงการสื่อสารระหว่างธุรกิจกับลูกค้า

เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา  ผู้อำนวยการใหญ่WTO  กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลที่มาจาก AI ว่าบทบาทAIที่ขยายตัวในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ยานยนต์ไร้คนขับและการเกษตรแม่นยำ ไปจนถึงความก้าวหน้าในด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

 “AI สามารถลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดได้ ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสเข้าร่วมการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น รายงานดังกล่าวได้รวบรวมกรณีศึกษาที่นำ AI มาใช้เพื่อตรวจจับการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน ติดตามรอยเท้าคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ และปรับปรุงขั้นตอนศุลกากร ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของการค้า”

ด้านบารอนเนส แม็กกี้ โจนส์ แห่งวิทเชิร์ช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีของสหราชอาณาจักร  กล่าวว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังวาง AI ให้เป็นแกนหลักของกลยุทธ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเพราะAIมีศักยภาพในการลดอุปสรรคต่อการค้าและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า AI จะเปลี่ยนสังคมและเศรษฐกิจของเรา ทางเลือกของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนั่งเฉยๆ และปล่อยให้มันหล่อหลอมเราหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีนี้และโลกที่เทคโนโลยีจะเอื้ออำนวยหรือไม่ เราต้องการให้โลกนั้นเป็นโลกที่ทุกประเทศสามารถเข้าถึงโอกาสต่างๆ ที่ AI นำเสนอ และพลเมืองทุกคนได้รับการปกป้องจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากทำงานร่วมกัน”

สำหรับสาระโดยสรุปในรายงานระบุว่า AI แตกต่างจากเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ ในหลายๆ และมีศักยภาพที่จะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศได้อย่างมาก เพราะAI เป็นเทคโนโลยีเอนกประสงค์ที่สามารถปรับให้เข้ากับโดเมนและงานต่างๆ ได้หลากหลายด้วยความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการอาศัยชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพและความแม่นยำ

AI สามารถใช้ประโยชน์เพื่อเอาชนะต้นทุนการค้าที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์การค้า การจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ AI สามารถทำให้การค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดยการปรับปรุงโลจิสติกส์การค้า เอาชนะอุปสรรคด้านภาษา และลดต้นทุนการค้นหาและการจับคู่ สามารถช่วยทำให้กระบวนการพิธีการศุลกากรและการควบคุมชายแดนเป็นระบบอัตโนมัติและคล่องตัวมากขึ้น ช่วยนำทางกฎระเบียบการค้าที่ซับซ้อนและข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ตลอดจนคาดการณ์ความเสี่ยง เครื่องมือที่ใช้ AI สามารถใช้ในการค้า การเงินและสามารถปรับปรุงการมองเห็นห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จะช่วยทำนายและส่งต่อไปยังกระบวนการตัดสินใจอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้อาจลดต้นทุนการค้าและส่งผลให้สนามแข่งขันมีความเท่าเทียมกัน

“สำหรับเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาและธุรกิจขนาดเล็ก ช่วยให้พวกเขาเอาชนะอุปสรรคทางการค้า เข้าสู่ตลาดโลก และมีส่วนร่วมในการค้าระหว่างประเทศ เช่นคนงานที่มีทักษะต่ำสามารถทำงานได้เหมือนคนงานที่มีทักษะสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ AI สามารถเพิ่มการค้าและการบริการได้มากขึ้น แต่อีกด้านของเหรียญAI จะทำให้บริการหรือธุรกิจบางประเภทไม่เป็นที่ต้องการ เช่น บริการอำนวยความสะดวกด้านศุกกากร หรือการค้าข้ามแดน หรือ แม้แต่ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ดังนั้น รูปร่างการค้าที่เปลี่ยนไป สิ่งเดียวที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้คือเข้าใจและปรับตัว

“AI”ยุทธศาสตร์เปลี่ยนรูปการค้าโลกWTO ชี้ช่วยลดต้นทุน-เติมศักยภาพธุรกิจ