สนค.ชี้เป้า 3 กลุ่มประเทศ –สินค้าระดับรอง เสริมแกร่งส่งออกไทย

สนค.เผยกลุ่ม 3 ประเทศคู่ค้าใหม่ ที่มีศักยภาพ ทำให้ไทยส่งออกมากขึ้น พร้อมดัน”สินค้าระดับรอง” ดาวเด่น เสริม”สินค้า”หลัก”ที่เจอแข่งขันสูง เจาะส่วนแบ่งตลาด ดันส่งออกไทยเพิ่ม
“การส่งออก ”ถือเป็น เครื่องจักรสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดของโควิด---19 และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยปี 2566 การส่งออกของ มีมูลค่า 284,749.2 ล้านดอลลาร์ ติดลบ ลด 1% ซึ่งไทยส่งออกอาเซียน70 % สหรัฐ 17. 2% จีน 12 % ญี่ปุ่น 8.7 % สหภาพยุโรป 7.7 %
โดยไทยยังคงพึ่งพาประเทศคู่ค้าหลัก ๆในการส่งออก ซึ่งปัจจุบันประเทศคู่ค้าหลักต่างได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจชะลอ กำลังซื้อลด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้นไทยจะต้องส่งเสริมและผลักดันตลาดส่งออกศักยภาพใหม่เพื่อทดแทนตลาดเก่า
“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์” ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สนค. โดยกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ได้วิเคราะห์ตลาดส่งออกศักยภาพใหม่ของไทยที่ควรต้องผลักดันโดยมี 3 กลุ่มใหญ่ คือ
1.กลุ่มประเทศคู่ค้า มีศักยภาพการนำเข้าสูง โดยไทยส่งออกในสัดส่วนที่สูงแต่น้อยกว่าศักยภาพการนำเข้าของประเทศคู่ค้า ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ อิสราเอล แคนาดา เม็กซิโก ชิลี รัสเซีย โดยแนวทางการส่งเสริมและการผลักดันการส่งออก ประกอบด้วย การขยายความร่วมมือและเปิดเสรีการค้าระหว่างกันมากขึ้น ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพ และรักษามาตรฐานสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด หากช่องทางการค้าใหม่ๆเพื่อให้ไทยสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับศักยภาพการนำเข้าของลูกค้า
2.กลุ่มประเทศคู่ค้า มีศักยภาพการนำเข้าสูง แต่ระดับมูลค่าการส่งออกของไทยอยู่ในระดับปานกลางถึงน้อย ประกอบด้วย ประเทศนอร์เวย์ อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน โดยแนวทางการส่งเสริมและการผลักดันการส่งออก คือ ขยายความร่วมมือและเปิดเสรีการค้าระหว่างกันมากขึ้น เร่งศึกษาตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการค้า
3.กลุ่มประเทศคู่ค้า มีศักยภาพการนำเข้าปานกลาง แต่ความต้องการซื้อตรงกับความต้องการขายอยู่ในระดับสูง ประกอบด้วยประเทศ โมร็อกโก เซอร์เบีย โคลัมเบีย บาร์เรน ยูเครน อุรุกวัย อาร์เมเนีย กานา โบลิเวีย โดยแนวทางการส่งเสริมและการผลักดันการส่งออก คือ ศึกษาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อให้ไทยสามารถส่งออกไปยังตลาดกลุ่มนี้ให้มากขึ้นในอนาคต
“แม้ว่าตลาดเหล่านี้จะมีสัดส่วนไม่มากในปัจจุบันแต่มีความสอดคล้องทางการค้าสินค้ากับไทยที่สูงจะทำให้สามารถสร้างโอกาสในการขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศที่กล่าวมาข้างต้นได้มากขึ้น “นายพูนพงษ์ กล่าว
นอกจากกลยุทธ์การเปิดตลาดใหม่ มีความจำเป็นที่จะต้องผลักดัน”สินค้าตัวเด่นระดับรองหรือสินค้าระดับรอง”ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ มีการเติบโตได้ดี และมีความต้องการจากตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีมูลค่าการส่งออกน้อย จากข้อมูลการส่งออกสินค้าของไทยพบว่า การส่งออกสินค้าในแต่ละหมวด มีการกระจุกตัวอยู่ที่ “สินค้าหลัก” มาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งในปัจจุบัน สินค้ากลุ่มดังกล่าวต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นและการเติบโตที่ลดลง ส่งผลให้การส่งออกของไทยยังไม่สามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพเท่าที่ควร
ข้อมูลการส่งออกในปี 2566 เผยให้เห็นว่า สินค้าส่งออก 20 อันดับแรกของไทย ค่อนข้างกระจุกตัวในสินค้ากลุ่มเดิม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “สินค้าหลัก” ที่เป็น “พระเอก” ในการส่งออกของไทย ที่มีมูลค่าการส่งออกมากถึง 181,864.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 6,270,411.4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 63.9 % ของมูลค่าการส่งออกรวม โดยประกอบไปด้วย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
สนค. จึงได้วิเคราะห์สินค้าส่งออกที่เหลือ ซึ่งมีมูลค่า 102,696.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 3,538,596.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.1 % ของมูลค่าการส่งออกรวม ซึ่งนับว่ามีมูลค่าและสัดส่วนการส่งออกที่ไม่น้อย โดยวิเคราะห์จากแนวโน้มการเติบโตและความต้องการของโลกภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 พบว่า “สินค้าระดับรอง” ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีความน่าสนใจ มีศักยภาพในการส่งออกเพื่อผลักดันให้มีมูลค่าส่งออกเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หมวดสินค้าเกษตร อาทิ สับปะรดสด ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง ลำไยแช่เย็นจนแข็ง ข้าวโพดอ่อนสดหรือแช่เย็น เห็ดสดหรือแช่เย็น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ไข่ไก่สด ธัญพืช ถั่วเขียวผิวมัน และถั่วเขียวผิวดำ
สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร อาทิ อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ สิ่งปรุงรสอาหาร นมและผลิตภัณฑ์นม และไอศกรีม สินค้าอุตสาหกรรม อาทิ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจุดระเบิดเครื่องยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกม
หากไทยเร่งผลักดันส่งเสริมการเปิดตลาดศักยภาพใหม่ใน 3 กลุ่ม พร้อมๆไปกับการผลักดัน”สินค้าระดับรอง” ช่วยส่งเสริมและผลักดันการส่งออกของไทยเพิ่มมากขึ้นท่ามกลางความท้าทายเศรษฐกิจโลก







