ราคาทองฟิวเจอร์ ดิ่งหนัก 79.70 ดอลล์ หลังเจอ3ข่าวร้ายพร้อมกัน

ราคาทองฟิวเจอร์ ดิ่งหนัก 79.70 ดอลล์ หลังเจอ3ข่าวร้ายพร้อมกัน

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันศุกร์ (7มิ.ย.) ร่วงลงอย่างหนัก 79.70 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า ธนาคารกลางจีนได้ระงับการซื้อทองเข้าสู่กองทุนสำรองในเดือนพ.ค. หลังจากที่ได้ซื้อติดต่อกันเป็นเวลา 18 เดือน

ราคาทองฟิวเจอร์ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลบ 79.70  ดอลล์ หรือ 3.33%  ปิดที่ 2,311.20 ดอลลาร์/ออนซ์

นอกจากนี้ ราคาทอง ยังได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้

ราคาทองคำ ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานดังกล่าว

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 182,000 ตำแหน่ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางจีน ได้ระงับการซื้อทองเข้าสู่กองทุนสำรองในเดือนพ.ค. หลังจากที่ได้ซื้อติดต่อกันเป็นเวลา 18 เดือน เนื่องจากราคาทองสปอตพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ราคาทองคำสปอต ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,449.89 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันที่ 20 พ.ค. โดยราคาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนมี.ค.-พ.ค. ขณะที่ได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลของทางการจีนระบุว่า จีนได้ถือครองทองจำนวน 72.80 ล้านทรอยออนซ์ ณ สิ้นเดือนพ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นเดือนเม.ย. ขณะที่มูลค่าทองคำสำรองของจีนพุ่งสู่ระดับ 1.7096 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.6796 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนเม.ย.

ความต้องการซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นปัจจัยผลักดันราคาทองในตลาด

ขณะที่ สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนเป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่ที่สุดในปี 2566 โดยซื้อสุทธิ 7.23 ล้านออนซ์ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดภายในปีเดียวนับตั้งแต่ปี 2520