กรมปศุสัตว์ เจรจามาเลเซีย ขยายตลาด เนื้อโค แพะ และ สุกร

กรมปศุสัตว์ เจรจามาเลเซีย ขยายตลาด เนื้อโค แพะ และ สุกร

กรมปศุสัตว์นำทีมภาครัฐและเอกชนหารือ มาเลเซีย กระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือด้านสุขอนามัยสัตว์ การค้าสินค้าปศุสัตว์ระหว่างกัน พร้อมติดตามความก้าวหน้า หลังไทยขอขยายตลาดส่งออกเนื้อโค เนื้อแพะ และเนื้อสุกร

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ได้นำคณะภาครัฐและเอกชนเข้าพบ Dr. Akma binti Ngah Hamid อธิบดีกรมสัตวแพทย์บริการ (Department of Veterinary Services: DVS) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ พร้อมทั้งหารือเรื่องข้อกำหนดด้านสุขอนามัยสัตว์ ความร่วมมือด้านการค้าสินค้าปศุสัตว์ และติดตามความก้าวหน้าการขอเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์

กรมปศุสัตว์ เจรจามาเลเซีย ขยายตลาด เนื้อโค แพะ และ สุกร

โดยผู้แทนภาครัฐ ได้แก่ กรมปศุสัตว์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ร่วมกับผู้แทนเอกชนภาคการผลิตและส่งออกสินค้าปศุสัตว์

ผลจากการหารือร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นควรพัฒนาความร่วมมือด้านสุขอนามัยสัตว์ ด้านการค้าและการอำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าปศุสัตว์ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความพร้อมที่จะเป็นผู้ผลิตสินค้าปศุสัตว์ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ปลอดโรคและปลอดภัย โดยเฉพาะเนื้อโค เนื้อแพะ และเนื้อสุกร เพื่อตอบสนองและสนับสนุนนโยบายความมั่นคงทางอาหารของสหพันธรัฐมาเลเซีย

กรมปศุสัตว์ เจรจามาเลเซีย ขยายตลาด เนื้อโค แพะ และ สุกร กรมปศุสัตว์ เจรจามาเลเซีย ขยายตลาด เนื้อโค แพะ และ สุกร

ที่สำคัญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์มีแผนการผลักดันการขยายตลาดสินค้าปศุสัตว์ไปยังต่างประเทศอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีกำลังซื้อสูงอย่างสหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ สร้างรายได้เพิ่มให้แก่ภาคการผลิตปศุสัตว์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ในปี 2566 ที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกสัตว์มีชีวิตและสินค้าปศุสัตว์ไปยังสหพันธรัฐมาเลเซียรวมมูลค่า 16,463 ล้านบาท ประกอบด้วย โคมีชีวิต มูลค่า 1,078 ล้านบาท กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่า 4,702 ล้านบาท สินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์ปีก มูลค่า 5,602 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเนื้อไก่ดิบ) สินค้ากลุ่ม Non-Frozen มูลค่า 4,545 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มไอศกรีม) และสินค้าอาหารปศุสัตว์ มูลค่า 536 ล้านบาท