'อัครา' ยันทำถูกต้องตามกฏหมาย ย้ำกว่าจะได้รับอนุญาตเลือดตาแทบกระเด็น

'อัครา' ยันทำถูกต้องตามกฏหมาย ย้ำกว่าจะได้รับอนุญาตเลือดตาแทบกระเด็น

"อัครายืนยันดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กว่าอัคราจะได้รับอนุญาตนั้น เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็น"

ตามที่มีการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงประเด็นเกี่ยวกับบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)  เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการความคืบหน้าของกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด และการกลับมาเปิดดำเนินการของเหมืองแร่ทองคำชาตรีของอัครา นั้น บริษัท ขอชี้แจงรายละเอียดเพื่อความเข้าใจที่ดีดังนี้

บริษัทได้รับการต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่ประทานบัตรเดิม ไม่ใช่พื้นที่ใหม่ สำหรับอาชญาบัตรพิเศษจำนวน 44 แปลง ที่ได้รับอนุญาตนั้น บริษัทได้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจแร่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 และ พ.ศ. 2548 ซึ่งคำขอดังกล่าวถูกชะลอการอนุมัติไว้ ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560

\'อัครา\' ยันทำถูกต้องตามกฏหมาย ย้ำกว่าจะได้รับอนุญาตเลือดตาแทบกระเด็น

รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องจนครบถ้วน ซึ่งการออกอาชญาบัตรพิเศษดังกล่าว เป็นเพียงการให้สิทธิในการสำรวจแร่ในพื้นที่ในอาชญาบัตรพิเศษเท่านั้น มิใช่สิทธิในการทำเหมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ ก่อนเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ บริษัทจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินอย่างถูกต้องเสมอ  หากสำรวจพบแหล่งแร่ใหม่ บริษัทก็ต้องทำการศึกษาความเป็นไปได้ และความคุมค่าของการทำเหมืองก่อนที่จะขออนุญาตทำเหมืองแร่ตาม พ.ร.บ. แร่ ฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และใช้เวลานานพอสมควร

สำหรับผงทอง (Sludge) ที่ถูกกล่าวถึงนั้น เป็นผงทองที่ตกค้างอยู่ในกระบวนการผลิตของบริษัท มาตั้งแต่ที่มีคำสั่งให้ระงับการประกอบกิจการ จึงถือเป็นทรัพย์สินของบริษัท ซึ่งภายหลังจากที่บริษัท ปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ชำระค่าภาคหลวงจำนวน 34 ล้านบาท ครบถ้วนแล้ว จึงนำไปถลุงเป็นโลหะทองคำตามกระบวนการผลิตตามปกติ ไม่ได้เป็นข้อแลกเปลี่ยนทางคดีแต่ประการใด

\'อัครา\' ยันทำถูกต้องตามกฏหมาย ย้ำกว่าจะได้รับอนุญาตเลือดตาแทบกระเด็น

หลังจากที่กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อัคราเป็นผู้ผลิต และส่งต่อทองคำในรูปแบบแท่งโดเร่ให้ผู้ประกอบการไทยทำการถลุง แปรรูป และจัดจำหน่ายต่อไป ซึ่งถือเป็นการเชื่อมต่อสายการผลิตทองคำ และยกระดับการแข่งขันของไทยกับสินค้าทอง และเงินจากประเทศอื่น ทำให้สินค้าทอง และเงินไทยได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ลดหย่อนภาษีนำเข้าของประเทศปลายทางจากการพิสูจน์ประเทศต้นทาง (Country of Origin) ว่าใช้ทองที่ถลุง สกัด และแปรรูปในประเทศไทย สร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการ และผลิตภัณฑ์ทอง และเงินไทยในตลาดต่างประเทศ 

ในเรื่องของมาตรการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นั้น นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร กล่าวว่า เป็นไปตามที่นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบนโยบายด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพราะแร่คือ ความมั่นคงของประเทศ และผู้ประกอบการรายอื่นก็ได้รับสิทธิเช่นเดียวกัน สำหรับอัครา ได้ลงทุนประมาณ 3,250 ล้านบาท ในการยกเครื่องซ่อมบำรุงเครื่องจักร โรงประกอบโลหกรรม อุปกรณ์ในการทำเหมือง การซ่อมแซมโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดทำการได้อย่างเต็มรูปแบบ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศผ่านการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศ อาทิ การซื้อสินค้าและบริการ การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นเงินกว่า 32,000 ล้านบาท การชำระค่าภาคหลวงกว่า 4,800 ล้านบาท การจ้างงานทั้งโดยตรง และผ่านผู้รับเหมาของบริษัท กว่า 1,000 คน ซึ่งร้อยละ 99 เป็นคนไทย และร้อยละ 90 เป็นประชาชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ไม่ต้องอพยพย้ายถิ่นเพื่อหางานทำ

นอกจากนี้ หากจะพิจารณาเฉพาะช่วงที่เหมืองแร่ทองคำชาตรีกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อัคราชำระค่าภาคหลวงแล้ว 358 ล้านบาท และได้สมทบทุนเข้ากองทุนจำนวน 4 กองอีกกว่า 74 ล้านบาท เพิ่มเติมจากเดิมที่สมทบไปแล้วกว่า 243 ล้านบาท เพื่อเป็นอีกหนึ่งกลไกในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน

ในโอกาสนี้ นายเชิดศักดิ์ ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตามหลักกฎหมาย และข้อเท็จจริง โดยยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และขอยืนยันว่า การดำเนินงานของบริษัทไม่เคยส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเป็นอัคราไม่ได้ทำให้บริษัทได้มาซึ่งสิทธิพิเศษเหนือผู้ประกอบการอื่นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม การดำเนินการทุกอย่างของอัครามีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด และรัดกุม การจะได้รับอนุญาตให้กระทำการใดๆ ในแต่ละครั้งนั้น เรียกได้ว่าเลือดตาแทบกระเด็น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์