ส่อง ‘พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯ’ ฉบับใหม่ 10 ประเด็นสำคัญแก้ปัญหา ‘รัฐอุปสรรค’

ส่อง ‘พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯ’ ฉบับใหม่ 10 ประเด็นสำคัญแก้ปัญหา ‘รัฐอุปสรรค’

เปิด 10 สาระสำคัญ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฉบับใหม่ แก้ปัญหาอุปสรรคการติดต่อราชการ ดึงการลงทุน ใช้กลไกอนุญาตโดยปริยาย – ซุปเปอร์ไลเซ่น ช่วยให้ประชาชนที่ต้องขออนุญาตจำนวนมากมีความสะดวกในการติดต่อราชการได้ง่ายขึ้น

การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการติดต่อราชการที่มีอุปสรรคของทั้งประชาชน และภาคธุรกิจเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และมีการจัดอันดับจากธนาคารโลก โดยเรียกว่าการจัดอันดับ “Ease of doing business” หรือเรื่องความยากง่ายในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นการจัดอันดับอย่างหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติจะใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจเข้ามาลงทุน

เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... ซึ่งจะเป็นกฎหมายฉบับใหม่ที่จะมาใช้แทน พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้เป็นกฎหมายกลางที่ช่วยแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนและความไม่สะดวกต่างๆ ของการอนุมัติ อนุญาต จากทางราชการ โดย พ.ร.บ. ฉบับเดิมได้บังคับใช้มากว่า 8 ปีแล้ว และถึงแม้จะมีผลสัมฤทธิ์ในเชิงปฏิบัติ แต่ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านต่างๆ ทำให้ภาครัฐต้องมีการปรับตัวสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร). จึงได้ปรับปรุงเพื่อแก้ไขปัญหาในการบังคับกฎหมาย ขจัดผลไม่พึงประสงค์ ตลอดทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการขออนุญาตและขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐ     

ส่อง ‘พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯ’ ฉบับใหม่ 10 ประเด็นสำคัญแก้ปัญหา ‘รัฐอุปสรรค’

โดยให้มีการแก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติจาก “พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 เป็น “พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. ....” เพื่อขยายขอบเขตไปถึงการให้บริการต่าง ๆ แก่ประชาชน (ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการอนุญาต จดทะเบียน หรือแจ้ง) และให้มีขอบเขตสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 เพื่อขยายการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเพิ่มมากยิ่งขึ้นและยกเลิกพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ  พ.ศ. 2558 และกำหนดให้ใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เมื่อพ้น 180 วัน เพื่อให้เวลาหน่วยงานต่าง ๆ ในการดำเนินการตามร่างนี้ (เช่น การรับชำระค่าธรรมเนียมแทนการรับคำขอต่ออายุใบอนุญาต) ยกเว้นมาตรา 29 วรรคหนึ่ง และมาตรา 30 วรรคสาม ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ เริ่มดำเนินการตั้งแต่พระราชบัญญัตินี้ประกาศราชกิจจานุเบกษา (ได้แก่ การยกเลิกหรือปรับลดระบบอนุญาต และการปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน)

10 ประเด็นสำคัญ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฉบับใหม่

ทั้งนี้มีประเด็นสำคัญ 10 ประเด็นที่มีการปรับปรุงจากพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ดังนี้

1. กำหนดเพิ่มเติมขอบเขตของพระราชบัญญัติจากเดิมที่กำหนดให้ใช้บังคับกับการจดทะเบียนหรือการแจ้งที่กฎหมายหรือกฎกำหนดให้ต้องขออนุญาต จดทะเบียน หรือแจ้ง โดยกำหนดเพิ่มให้รวมถึงกรณีที่ประชาชนขอให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาขอให้ดำเนินการใด ๆ หรือการขอรับบริการบรรดาที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานนั้นด้วย

 2. เพิ่มนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” เนื่องจากขยายขอบเขตของพระราชบัญญัติตามตามข้อ 1 เพื่อให้หน่วยงานของรัฐทั้งหมดดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และเพิ่มนิยามคำว่า “ความเสี่ยง” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดกิจการหรือกระบวนงานใด ๆ ที่จะพิจารณาปรับลดมาตรการในระบบอนุญาตการทดลองประกอบกิจการ รวมทั้งการขอยกเว้นการใด ๆ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้

3. ให้ผู้อนุญาตทบทวนกฎหมายทุก 5 ปี ในประเด็นต่าง ๆ เช่น

1)การพิจารณาความจำเป็นหรือมีมาตรการอื่นแทนการอนุญาต

2)การปรับเปลี่ยนการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการเป็นหัวหน้าหน่วยงาน 3ปการอนุญาตที่มีกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้อนุญาตเพียงกฎหมายฉบับเดียว และให้หน่วยงานส่วนกลางจัดทำคู่มือฉบับเดียวและให้ทบทวนคู่มือทุก 2 ปี

4.กำหนดให้ผู้อนุญาตอาจจัดให้มีช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นหรือต้องการได้รับอนุญาตหรือบริการอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษได้ โดยผู้อนุญาตต้องจัดให้มีคู่มือประชาชนสำหรับช่องทางพิเศษนี้ด้วย

5.เพิ่มหลักการอนุญาตโดยปริยาย (Auto Approve) เมื่อเกินกำหนดระยะเวลาพิจารณาคำขอไว้ในคู่มือสำหรับประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ยื่นคำขอมีสิทธิได้รับการอนุญาตตามความประสงค์แทนที่จะถูกปฏิเสธคำขอเพราะขาดข้อมูลบางประการ

6.ให้หน่วยงานภาครัฐต้องจัดให้มีแบบฟอร์มคำขอใบอนุญาตหลักฐานการต่ออายุใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเป็นภาษาอังกฤษให้แก่ผู้ยื่นคำขอหรือผู้รับใบอนุญาต

7. กำหนดให้มีระบบอนุญาตหลัก (Super License) เพื่ออำนวยความความสะดวกให้แก่ประชาชนกรณีการประกอบกิจการที่ต้องขอรับใบอนุญาตจำนวนมาก โดยออกพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้ใบอนุญาตใดเป็นใบอนุญาตหลักได้แล้วใบอนุญาตอื่นของเรื่องนั้นจะเป็นใบอนุญาตรองซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตหลักสามารถประกอบกิจการนั้นได้เลย โดยถือเสมือนว่าได้รับใบอนุญาตรองครบถ้วนแล้วด้วย ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตทุกใบให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด

8. กำหนดขึ้นใหม่ในเรื่องการทดลองประกอบกิจการที่ต้องขอรับอนุญาต โดยใช้ระบบแจ้งไปพลางก่อนชั่วคราวได้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนไม่ต้องรอรัฐอนุญาตซึ่งอาจล่าช้าได้ รวมทั้งเพื่อให้ได้ทราบว่ากิจการที่ตนทดลองประกอบการนั้นสามารถประสบผลสำเร็จได้ตามความประสงค์หรือไม่

9.กำหนดขึ้นใหม่เกี่ยวกับการยกเลิกอายุใบอนุญาตเพื่อให้เป็นใบอนุญาตถาวรหรือขยายอายุใบอนุญาตที่น้อยกว่า 5 ปี เป็นอย่างน้อย 5 ปี เพื่อลดภาระการต่ออายุใบอนุญาตและเพิ่มความแน่นอนให้แก่การประกอบกิจการของประชาชน

10. กำหนดให้ในกรณีที่ใบอนุญาตหรือหลักฐานการต่ออายุใบอนุญาตชำรุดในสาระสำคัญ สูญหาย หรือถูกทำลาย ให้ผู้อนุญาตออกใบแทนได้โดยผู้รับอนุญาตไม่ต้องยื่นหลักฐานที่แสดงการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และกำหนดให้มีศูนย์รับคำขอกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยพัฒนาต่อยอดจากศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) (ปัจจุบันให้บริการแล้ว 25 ประเภทธุรกิจรวม 134  ใบอนุญาต) โดยสำนักงาน ก.พ.ร. สามารถมอบให้เอกชนดำเนินการได้ โดยสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นผู้กำกับดูแลและขับเคลื่อนหน่วยงานให้บริการ

ทั้งนี้บทเฉพาะกาล กำหนดให้หน่วยงานที่มีกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตทบทวนระบบอนุญาต และให้หน่วยงานทบทวน ปรับปรุงกระบวนการ และจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา