มีเงินนับเป็นน้อง มีทองอย่าเพิ่งขาย 

มีเงินนับเป็นน้อง มีทองอย่าเพิ่งขาย 

สาเหตุที่ทองคำราคาพุ่งมาจากการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงดอกเบี้ย และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ตามตลาดคาด ส่งผลให้ทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 46 ดอลลาร์ หรือกว่า 2% ไปยืนอยู่เหนือระดับ 2,207 ดอลลาร์

ช่วงนี้ได้ยินแต่คนพูดถึงราคาทองคำที่พุ่งทำออลไทม์ไฮ เมื่อวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) เปิดตลาดพุ่งไปถึง 700 บาท ตลอดทั้งวันราคาเปลี่ยนแปลงถึง 7 ครั้ง ปิดตลาด ณ เวลา 16:50 น. สมาคมค้าทองคำประกาศครั้งที่ 7 ราคาทองคำตลอดทั้งวันปรับเพิ่มขึ้น 800 บาท เมื่อเทียบกับราคาสุดท้ายของเมื่อวันพุธ (20 มี.ค.) ทองรูปพรรณ 96.5% ในประเทศรับซื้ออยู่ที่บาทละ 36,869.12 บาท และขายออกที่ราคา 38,150.00 บาท ขณะที่ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 37,550.00 บาท ขายออก 37,650.00 บาท ส่วนราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 2,205.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

คนมีทองคำในมือตัดสินใจไม่ถูก จะขายก็กลัวราคาขึ้นไปอีก หลายคนลุ้นที่บาทละ 40,000 บาทถึงจุดนั้นเมื่อใดขายแน่ๆ โดยเฉพาะชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาที่มิใช่นักลงทุนเก็งกำไร แต่ก็มีบางคนเกรงว่า ขายออกไปแล้วจะซื้อกลับคืนมาไม่ได้เพราะทองคำมีแต่ราคาแพงขึ้นเวลาลดก็ลดลงมานิดเดียว ด้วยคุณสมบัติความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือรัฐบาลมักถือครองทองคำเอาไว้กันเหนียว สาเหตุที่ทองคำราคาพุ่งมาจากการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงดอกเบี้ย และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ตามตลาดคาด ส่งผลให้ทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 46 ดอลลาร์ หรือกว่า 2% ไปยืนอยู่เหนือระดับ 2,207 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองพุ่งแรงขนาดนี้คงไม่ใช่สาเหตุจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวแน่ๆ เป็นไปได้ว่าอาจมีการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น เช่น ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งต้องรอติดตามตัวเลขที่จะมีรายงานช่วงสิ้นไตรมาส 2 นี้ แต่ถ้าดูข้อมูลเมื่อเดือน ก.พ. พบว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เพิ่มการซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือน ก.พ. เป็นการซื้อเพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 แล้ว และการตะลุยซื้อยาวของรายใหญ่อย่างแบงก์ชาติจีนยังช่วยสนับสนุนราคาทองไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย

รอบนี้นักวิเคราะห์มองว่า ราคาทองคำอาจขึ้นไปถึง 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อคาดกันว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยช่วงครึ่งหลังของปี และอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำคือความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามอิสราเอล-ฮามาสในกาซายังไม่มีวี่แววยุติ สงครามของรัสเซียในยูเครน กรุงเคียฟถูกถล่มหนักสุดในรอบหลายสัปดาห์ อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองกำลังยูเครนร่อยหรอไปมาก ปัจจัยในสนามรบส่งผลกระทบราคาทองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงวันนี้ “มีเงินนับเป็นน้อง มีทองอย่าเพิ่งขาย” น่าจะดี