สบน.ชี้แนวโน้มหนี้สาธารณะพุ่ง ขณะที่ ดัชนีวัดความเสี่ยงยังต่ำ

สบน.ชี้แนวโน้มหนี้สาธารณะพุ่ง ขณะที่ ดัชนีวัดความเสี่ยงยังต่ำ

สบน.ชี้ความเสี่ยงพอร์ตบริหารหนี้อยู่ในระดับต่ำ แม้ระดับหนี้สาธารณะจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น โดยหนี้ระยะยาวมีถึง 85% เป็นหนี้ต่างประเทศแค่ 1.35% อัตราดอกเบี้ยคงที่ถึง 85% วอนสำนักงบจัดสรรงบประมาณชำระหนี้ต้นเงินกู้ให้รัฐบาลเพิ่ม เพื่อให้ภาระหนี้ประเทศลดลง

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ ในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)ระบุ แม้ว่า ระดับหนี้สาธารณะของไทยจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องขยายกรอบการก่อหนี้จากไม่เกิน 60% เป็นไม่เกิน 70% ต่อจีดีพี ล่าสุด ระดับหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่กว่า 62% ต่อจีดีพี แต่ในด้านความเสี่ยงการบริหารหนี้นั้น ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้และอยู่ในกรอบวินัยด้านการคลัง

โดยกรอบวินัยการคลังกำหนดว่า ภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ จะต้องอยู่ในระดับน้อยกว่าหรือเท่ากับ 35% ซึ่ง ณ ก.ย.66อยู่ที่ 26% ,หนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดต้องอยู่ในระดับต่ำกว่าหรือเท่ากับ 10% ณ ก.ย.66 อยู่ที่1.4% และภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริหารต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5% ณ ก.ย.66อยู่ที่0.05%

นอกจากนี้ หนี้สาธารณะโดยรวม จำนวน 11.19 ล้านล้านบาทนั้น  เป็นหนี้ระยะยาวถึง 85% อายุหนี้คงเหลือเฉลี่ยที่ 8 ปี 11 เดือน ซึ่งอยู่ในกรอบมาตรฐานที่กลุ่มประเทศOECD ที่กำหนดระยะเวลาเฉลี่ยของหนี้ต้องอยู่ที่ประมาณ 8 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ขณะเดียวกัน หนี้ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศนั้น ก็มีสัดส่วนเพียง 1.35% หรือประมาณ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เช่น ไจก้า เอดีบี และเวิลด์แบงก์ โดยกู้มาเพื่อทำโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและมีระยะเวลาการกู้ที่ยาว 15-20 ปี ช่วยลดความเสี่ยงการบริหารหนี้ได้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยของหนี้นั้น ปัจจุบันเรามีอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 85% ของหนี้ทั้งหมด ขณะที่ ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7%

อย่างไรก็ดี ระดับหนี้สาธารณะของไทยนั้น แม้ว่า จะยังอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง แต่หากว่า จีดีพีของประเทศปรับลดลง ก็มีแนวโน้มที่ระดับหนี้สาธารณะจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ หลังจากที่สภาพัฒน์ได้ประกาศปรับลดจีดีพีในปี 66 ลงเหลือ 1.9% และ ปีนี้ 2.7% ก็จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะปรับเพิ่มขึ้น โดยสบน.อยู่ระหว่างการปรับตัวเลขหนี้สาธารณะในเดือนก.พ.นี้

ทั้งนี้ นับจากปี 2548 หนี้สาธารณะของไทยเคยอยู่ในระดับต่ำสุดที่34.95% ต่อจีดีพี จากนั้น ก็ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยที่ 41-42% นับจากปี 2555-2562 และทยอยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 49% ในปี 2563 และสูงสุดที่62.44% ในปี 2566 ล่าสุด ณ ม.ค.67 อยู่ที่ 62.23% ต่อจีดีพี

โฆษกสบน. กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน สบน.ได้รับงบประมาณในการชำระหนี้ต้นเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 3.4%จากกรอบพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังที่กำหนด 2.5-4% ของงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปี แต่ในจำนวนนี้รัฐบาลได้รับงบชำระหนี้น้อยกว่างบชำระหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ขณะที่ มูลหนี้ของรัฐบาลมีจำนวนที่สูงกว่า ทำให้การลดหนี้ต้นเงินกู้ของรัฐบาลล่าช้า

ปัจจุบันหนี้สาธารณะดังกล่าว แบ่งเป็น หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 82.33% ,หนี้รัฐวิสาหกิจ 9.61% , หนี้FIDF 5.55%,หนี้รัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจในภาคการเงินฯ(รัฐบาลค้ำประกัน),หน่วยงานรัฐ 0.73%ทั้งนี้ หนี้ดังกล่าว หนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณมีอยู่ 52.21% ต่อจีดีพี หรือ 9.39 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.89% ของหนี้สาธารณะ

สำหรับหนี้ FIDF ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 6.2 แสนล้านบาท ลดลงจากหนี้เดิมราว 50% คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระหมดภายใน 10 ปี