‘เศรษฐา’ สั่งปลดล็อกกฎระเบียบ ดึงต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรม ยา – เวชภัณฑ์

‘เศรษฐา’ สั่งปลดล็อกกฎระเบียบ ดึงต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรม ยา – เวชภัณฑ์

‘เศรษฐา’ สั่งหน่วยงานราชการปลดล็อก กฎระเบียบดึงต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรม ยา – เวชภัณฑ์ จี้กระทรวงการคลัง ทำงานควบคู่กระทรวงสาธารณสุข พร้อมสั่งเดินหน้าแก้ไขกฎหมายที่เป็นปัญหาอุปสรรคกับการลงทุนโดยเร็ว

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เร่งปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะการดึงเอกชนจากต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนประกอบการอุตสาหกรรมยา และเวชภัณฑ์ในประเทศไทย


สำหรับการเร่งรัดการปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจครั้งนี้ เป็นผลมาจากข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 (เรื่อง การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ) มอบหมายให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวก ในการประกอบธุรกิจรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมาย และกฎระเบียบ รวมทั้งกระบวนการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค ต่อการประกอบธุรกิจให้แล้วเสร็จ และเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นั้นที่ผ่านมาได้รับการร้องขอให้เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้จากทูตานุทูตหลายประเทศ

 

‘เศรษฐา’ สั่งปลดล็อกกฎระเบียบ ดึงต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรม ยา – เวชภัณฑ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีเอกชนของต่างประเทศ จะเข้ามาร่วมลงทุนประกอบการอุตสาหกรรมยา และเวชภัณฑ์ในประเทศไทย จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแล้ว


ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ระบุข้อมูลว่า ในปี 2565 ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ของไทย มีมูลค่าตลาดประมาณ 2.4 แสนล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 3-5% แบ่งเป็น การผลิตในประเทศ 30% และนำเข้า 70% ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมมีมูลค่าการตลาดที่สุด

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์