พาณิชย์ ชู ท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม หนุน" Soft Power" ไทย

พาณิชย์ ชู ท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม หนุน" Soft Power" ไทย

สนค.เผย ผลวิเคราะห์ “การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม” หรือ Event Tourism ต่อยอดธุรกิจอีเว้นท์ สร้างรายได้ท้องถิ่น ปลุกSoft Power ไทย

ภาคการท่องเที่ยวของไทยถือเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยในแต่ละปีมีรายได้เฉลี่ย  1-2 ล้านล้านบาท โดยในช่วงที่การท่องเที่ยวไทยพีคสุดคือช่วงก่อนโควิด-19 คือ ปี 2562 รายได้อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งหลังจากโควิด-19 รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด เริ่มมาฟื้นตัวเมื่อช่วงปลายปี 65  ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามามากขึ้น โดยปีนี้ไทยตั้งเป้านักท่องเที่ยว 35 ล้านคน สร้างรายได้ 3 ล้านล้านบาทเท่ากับช่วงปี 62

“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ “ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  ให้ข้อมูลว่า  เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมหรือ Event Tourism ) เป็นการท่องเที่ยวที่มีพื้นที่กิจกรรมเป็นศูนย์กลางในการรวมตัวกันของชุมชนที่มีความสนใจเดียวกัน ส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สามารถสร้างรายได้สู่ชุมชน รวมไปถึงบริเวณโดยรอบ ขนาดกิจกรรมมีตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จังหวัด ภูมิภาค ระดับประเทศ ไปจนถึงการจัดกิจกรรมในต่างประเทศ แต่ละกิจกรรมจะมีลักษณะเฉพาะของเนื้อหาและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งอาจเกี่ยวข้องทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์

สำหรับประเภทของกิจกรรม อาทิ งานแสดงดนตรี/คอนเสิร์ต งานเทศกาล การแข่งขันกีฬา การประชุม กิจกรรมองค์กร และงานแสดงสินค้า (MICE)  ซึ่งสามารถรองรับความสนใจที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง

จากรายงาน Event Tourism Market Outlook from 2024 to 2034 โดยบริษัทวิจัยตลาด Future Market Insights (FMI) ในปี 2566 มูลค่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมทั่วโลกอยู่ที่ 1.56 ล้านล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า  4.1%  คาดว่ามูลค่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมทั่วโลกในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.63 ล้านล้านดอลลาร์

พาณิชย์ ชู ท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม หนุน\" Soft Power\" ไทย

ทั้งนี้ความต้องการในการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมทั่วโลก คาดว่าในช่วง 10 ปี (ปี 2567-2577) จะเติบโต 4.3%  ต่อปี และจะมีมูลค่าสูงถึง 2.38 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2577 โดยมีปัจจัยมาจากแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับชุมชนที่ตนมีความสนใจ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความชื่นชอบระหว่างกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคขาดประสบการณ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ปัจจุบันหลายประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม

โดยมีแนวทางการจัดกิจกรรมให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความสนใจใหม่ ๆ ของผู้บริโภค รวมทั้งใช้การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมในการเผยแพร่วัฒนธรรมให้แพร่หลาย

 สำหรับประเทศไทย มีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวที่สามารถต่อยอดได้ โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวนทั้งสิ้น 28.04 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 151% สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 100% จากตัวเลขการท่องเที่ยวที่เติบโต แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว และไทยเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลกที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายปลายทาง

 สำหรับธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในไทยมีการเติบโตในปี 2566 โดยธุรกิจที่มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ อาทิ การบริการอาหาร/เครื่องดื่ม มีจำนวนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ 4,528 ราย (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 32.40%  มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 8.87 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า  21.05%

 ที่พักแรมระยะสั้น มีจำนวน 907 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30.13%  มูลค่า 3.74 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 53.95%

การจัดการประชุมและการแสดงสินค้า มีจำนวน 702 ราย (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 30.97%  มูลค่า 1.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 24.26%

กิจกรรมด้านการกีฬา ความบันเทิง และนันทนาการ มีจำนวน 402 ราย  เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 34%  มูลค่า 8.54 ร้อยล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า  32.70%

ประเทศไทยยังมีจุดแข็งด้านวัฒนธรรมและประเพณีที่สามารถต่อยอดและผสมผสานไปกับการท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เช่น เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน งานแสดงสินค้าโอท็อป การแข่งขันกีฬามวยไทย เป็นต้น

“การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม จึงเป็นอีกหนี่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่ควรส่งเสริม เนื่องจากเป็นการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการแต่ละชุมชนได้ อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะธุรกิจการจัดงาน (Event Business) และเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ Soft Powerของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น”นายพูนพงษ์ กล่าว

การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม” สามารถรองรับความสนใจที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากการจัดกิจกรรมจะส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรม และนำมาซึ่งการประชาสัมพันธ์ Soft Power ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและภาครัฐในการสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมการสร้าง Soft Power ไทย ให้สามารถต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และนำไปสู่การจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วย