‘เศรษฐา‘ สั่งอัปเกรด ’สุวรรณภูมิ‘ ขึ้นท็อป 20 สนามบินโลกใน 5 ปี

‘เศรษฐา‘ สั่งอัปเกรด ’สุวรรณภูมิ‘  ขึ้นท็อป 20 สนามบินโลกใน 5 ปี

"เศรษฐา" ตั้งเป้าดันไทยขึ้น Top 10 ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Thailand Aviation Hub) เปิดประตูไทยเชื่อมโลกไร้รอยต่อ สั่งอัปเกรดสุวรรณภูมิขึ้นท็อป 20 สนามบินโลกใน 5 ปี รองรับเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

วันนี้ (1 มี.ค.67) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศวิสัยทัศน์ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ และเชื่อมต่อการเดินทางแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าทางอากาศแห่งภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

ตั้งเป้าสุวรรณภูมิติดท็อป 20 สนามบินโลก

‘เศรษฐา‘ สั่งอัปเกรด ’สุวรรณภูมิ‘  ขึ้นท็อป 20 สนามบินโลกใน 5 ปี

นายเศรษฐา  เผยว่า ก่อนหน้านี้ในปี 2548 สนามบินสุวรรณภูมิเคยอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก  แต่ในปัจจุบันนั้นตกอยู่ในอันดับที่ 68 ของโลก  ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแผนจะพัฒนาท่าอากาศยานของไทยให้กลับมาติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี เนื่องจากไทยตั้งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์กึ่งกลางของเอเชียแปซิฟิก  มีพรมแดนติดกับ 3 ประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์จากการเปิดบินเสรีการบินอาเซียน โดยการประกาศวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ซึ่งกำกับดูแลท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ท่าอากาศยานดอนเมือง  ท่าอากาศยานเชียงใหม่  ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย  ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ 

 

เปิดแผนพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ

สำหรับแผนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีพื้นที่กว่า 20,000 ไร่นั้น รัฐบาลมีแผนจะขยายขีดความสามารถให้รองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573  

‘เศรษฐา‘ สั่งอัปเกรด ’สุวรรณภูมิ‘  ขึ้นท็อป 20 สนามบินโลกใน 5 ปี

ซึ่งขณะนี้ทาง AOT ได้เปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ SAT-1 สามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในปี 2567 นี้ เตรียมจะเปิดใช้ทางวิ่งเส้นที่ 3 สามารถรองรับเที่ยวบินจาก 60 เที่ยวต่อชั่วโมง เป็น 90 เที่ยวต่อชั่วโมง และมีแผนจะก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสารทางทิศตะวันออก - ทิศตะวันตก ให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคนต่อปี 

และยังมีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศใต้ ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคนต่อปี รวมถึงมีแผนจะก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 4 รองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รวมถึงจะเปลี่ยนเครื่อง x-Ray ที่จุดตรวจค้น ซึ่งผู้โดยสารไม่ต้องหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกจากกระเป๋า หรือถอดรองเท้าขณะผ่านจุดตรวจค้น เพื่อร่นระยะเวลาในการตรวจเช็ก 

“เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบิน จะต้องยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 50 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ภายในระยะเวลา 1 ปี และติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก ภายในระยะเวลา 5 ปี เป็นความฝันที่ต้องการให้เป็นจริง วันนี้ผมขอประกาศว่า เราตื่นจากความฝันแล้ว ขอให้ทุกคนตื่นมาร่วมกันพัฒนาให้ความฝันเป็นจริง ทุกคนมีส่วนร่วมทำฝันให้เป็นจริง ขอให้กำลังใจ ขอให้ทุกคนช่วยดึงศักยภาพ ช่วยกันทำความฝันให้เป็นจริง"

ดอนเมืองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคน

ในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสนามบินหลักสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศในภูมิภาค  รัฐบาลมีแผนจะเปลี่ยนสนามบินให้เป็นสนามบินแบบ POINT-TO-POINT ขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 30 ล้านคน เป็น 50 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573  ผ่านการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม และจะขยายอาคาร 1 และ อาคาร 2 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ รองรับผู้โดยสารได้ 27 ล้านคนต่อปี  และจะสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศใหม่ รองรับผู้โดยสารได้ 23 ล้านคนต่อปี

อีกทั้งยังมีแผนจะก่อสร้างอาคาร Junction Building เป็นที่พื้นเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ พัฒนาให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว  พร้อมทั้งจะยกระดับการให้บริการทุกภาคส่วน เพิ่มพื้นที่จอดรถได้มากถึง 7,600 คัน และจะเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางรถไฟฟ้าสายสีแดงให้เดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงจะพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ร่วมกับเอกชนอีกด้วย

เปิดแผนสนามบินภูมิภาค

สำหรับท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น รัฐบาลมีแผนจะสร้างสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2  หรือ ท่าอากาศยานอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง  และจะพัฒนาสะพานสารสิน เพื่อรองรับจำนวนรถให้ได้มากขึ้น และให้เรือขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านได้เช่นกัน  นอกจากนี้สำหรับท่าอากาศยานภูเก็ต รัฐบาลจะพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน รองรับผู้โดยสารจากเดิม 12.5 ล้านคนต่อปี เป็น 18 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573  และกำลังอยู่ในช่วงศึกษาโครงการพัฒนา Seaplane & Ferry Terminal พัฒนาพื้นที่อากาศยานขึ้น-ลงในทะเล เพื่อรองรับผู้โดยสารชั้นสูง  เชื่อมต่อไปยังเกาะสมุย เกาะช้าง และหัวหิน เป็นต้น  ส่วนท่าอากาศยานอันดามันที่มีแผนจะสร้างขึ้นนั้น จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคน ตั้งเป็นฮับการบินภาคใต้เชื่อมเส้นทางระยะไกล (Long-haul Flight) ทั้งเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศแบบ Point to Point

ถัดมาเป็นท่าอากาศยานเชียงใหม่ รัฐบาลมีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิมได้เพียง 8 ล้านคนต่อปี เป็น 16.5 ล้านคนต่อปีภายในปี 2572 รวมทั้งยังมีแผนจะก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือ ท่าอากาศยานล้านนา ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านคนต่อปี และจะเป็น Homebase ของสายการบิน อย่าง VietJet เป็นต้น

เพิ่มการใช้เทคโนโลยีในสนามบิน

นอกจากนี้ รัฐบาลจะยกระดับสนามบินทั่วประเทศ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบบริการผู้โดยสารสมัยใหม่เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวของโลก ผ่านการผลิตอาหารให้กับสายการบินต่างๆ ส่งเสริมการใช้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพของไทย นำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร ไปจนถึงต่อยอดเมนูอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติสู่อาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก

ไม่เพียงเท่านี้ รัฐบาลยังมีแผนจะขยายอุตสาหกรรมการบำรุงรักษาให้กลายเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษาทั้งเครื่องบินพาณิชย์ และเครื่องบินส่วนตัว  มีระบบคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) เพื่อกระจายสู่ประชากรกว่า 280 ล้านคนทั้งไทย มาเลเซีย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม  พร้อมทั้งจะต่อยอดความร่วมมือกับสายการบินต่างๆ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมโรงแรม และจะร่วมกันพัฒนาสายการบินไทย ปรับปรุงเส้นทางตารางการบินให้เหมาะสม จำนวน และประเภทเครื่องบิน บัตรโดยสาร และการบริการ ตลอดจนส่งเสริมบุคลากรให้เพียงพอพร้อมให้บริการ  ไปพร้อมๆ กับสร้างความยั่งยืนผ่านการดึงดูดสายการบินด้วยเชื้อเพลิง SAF และส่งเสริมการผลิตในประเทศ สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ไม่เพียงจะสร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอนาคตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น และจะเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์