ส่องโอกาสส่งออก 5 ตลาดสำคัญของไทยปี 67

ส่องโอกาสส่งออก  5 ตลาดสำคัญของไทยปี 67

ม.หอการค้าไทย ประเมินทิศทางส่งออกทั้งตลาดและสินค้า เผย สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน โอกาสสดใสขยายตัวเป็นบวกเพิ่มเมื่อเทียบกับปี 66 พร้อมเปิดสินค้าดาวเด่นดาวรุ่งใน 5 ตลาดสำคัญของไทย

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประเมินทิศทางการส่งออกไทยปี 2567 โดยคาดว่าการส่งออกไทยในปี 67 จะมีมูลค่า 291,676 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 2.5% หรืออยู่ในช่วง 2-3% หรือมีมูลค่า 290,253 ถึง 293,099 ล้านดอลลาร์  ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.3-3.1% ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 76-82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 34-35 บาทต่อดอลลาร์  อัตราเงินเฟ้อไทย 0.5-1.5% การค้าโลกขยายตัว 3.3%

ปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกไทย ศูนย์ฯ มองว่า  1.กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีโลกจะขยายตัว 3.1 % เพิ่มขึ้น 0.2 จากเดือนต.ค.ที่คาดว่าจะโต 2.9 % เนื่องจากความสามารถในการฟื้นตัวของสหรัฐและและประเทศกำลังพัฒนา และการสนับสนุนทางการคลังในประเทศจีน

 2.การค้าระหว่างประเทศของโลกปี 2567  มีแนวโน้มขยายตัว 3.3 % จากอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีนแม้จะชะลอตัวจากปี 66 รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรป 

3.ค่าเงินบาทช่วงแรกปี 67 มีแนวโน้มอ่อนค่าส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขัน 

4.เงินเฟ้อโลกลดลง กระตุกดอกเบี้ยขาลงทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโต 5.หลายประเทคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยสหรัฐมีโอกาปรับลดดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. ทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นในครึ่งปีหลังและส่งผลต่อการขยายตัวของการส่งออกในครึ่งปีหลัง

 

 

มื่อเจาะลึกไปในตลาดสำคัญของไทยทั้งสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป อาเซียน ศูนย์ฯวิเคราะห์ว่าจะขยายตัวจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น โดย

ตลาดสหรัฐ ซึ่งถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 17.1  % ของการส่งออกไทย โดยปี 66 ส่งออกไทยขยายตัว 2.8 % ปี  67 คาดว่าจะขยายตัวลดลงเหลือ 2.4 % จากปัญหาเงินเฟ้อ เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยคาดว่าสินค้าที่เป็นด่าวเด่นส่งออกไปสหรัฐปีนี้คือ  โทรศัพท์ และอุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้า  เครื่องปรับอากาศ และอัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนสินค้าส่งออกดาวรุ่งคือ สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ของทำด้วยทองแดง เครื่องซักผ้า  และเม็ดพลาสติก

ตลาดจีน ถือเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย มีสัดส่วนการส่งออก 12 % ของการส่งออกของไทย โดยเมื่อปี 67 การส่งออกไทยไปจีนติดลบ 0.8 % แต่ปีนี้จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ 2 % :ซึ่งคาดว่าการส่งออกไทยไปจีนสินค้าส่งออกดาวเด่น ยังคงเป็นผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง โดยเฉพาะทุเรียน ตามมาด้วย ผลิตภัณฑ์อลูมีเนียม ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ส่วนสินค้าดาวรุ่ง คือ  ทรานซิสเตอร์ ไดโอด กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง เลนซ์ กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าอื่นๆ อัญมณีและเครื่องประดับ

 

ตลาดญี่ปุ่น มีสัดส่วนการส่งออก  8.6  %ของการส่งออกของไทย  ปี 66 ส่งออกขยายตัว 0.1 %  ปี 67 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มเป็น 2 % โดยคาดว่าสินค้าส่งออกดาวเด่นในปีนี้คือ แผงวงจรไฟฟ้า  รถจักรยานยนต์ ส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ และไก่สดแช่เย็น แช่แข็งขณะที่สินค้าส่งออกดาวรุ่ง คือ ข้าว ของเบ็ดเตล็ดทำด้วยโลหะ เช่น ฝา  พัดลม ธัญพืช และคอมเพรซเซอร์

ตลาดสหภาพยุโรป สัดส่วนการส่งออก  7.6  %ของการส่งออกของไทย โดยปี 66 การส่งออกไทยติดลบ 4.2%  แต่ปีนี้คาดว่า การส่งออกจะดีขึ้นขยายตัวได้ 21.% โดยสินค้าส่งออกดาวเด่น คือ หม้อแปลงไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์และอุปกรณ์  อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนสินค้าส่งออกดาวรุ่ง คือ อุปกรณ์ป้องกันวงจรไฟฟ้า  พัดลม เครื่องดื่ม เนื้อสัตว์ และกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าอื่นๆ

ตลาดอาเซียน มีสัดส่วนการส่งออก 23.6 % โดยในปี 66 การส่งออกไทยไปอาเซียนติดลบสูงถึง 7.1 % แต่ปี 67 คาดว่าส่งออกไทยไปอาเซียนจะกลับมาเป็นบวกได้ 2.9 % โดยสินค้าส่งออกที่เป็นสินค้าดาวเด่น คือ ข้าว น้ำตาลทราย น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์และส่วนประกอบ น้ำมันพืช ขณะที่สินค้าส่งออกดาวรุ่งคือ น้ำมันดิบ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง หม้อแปลงไฟฟ้า วิทยุโทรทัศน์และสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล

ทั้ง 5  ตลาดนี้ถือเป็นตลาดการส่งออกที่สำคัญของไทยที่จะช่วยดันตัวเลขการส่งออกของไทยพลิกกลับเป็นบวกได้ในปี 2567