ทางรอดธุรกิจ - อุตสาหกรรม 'รถยนต์' ในวันที่ EV มาแรง และ AI มีอิทธิพลต่อผู้ซื้อ

ทางรอดธุรกิจ - อุตสาหกรรม 'รถยนต์' ในวันที่ EV มาแรง และ AI มีอิทธิพลต่อผู้ซื้อ

"KPMG" เปิดผลสำรวจแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังผู้บริหารมองอีก 5 ปีเผชิญความท้าทายและความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจโลก แม้แนวโน้มรถ EV มีการเติบโตขึ้นมากแต่ ก็มีความเสี่ยงหลายด้านที่จะกระทบกับอุตสาหกรรมทั้งซัพพลายเชน ซึ่งต้องวางแผนรับมือ

Key Points

  •  ธุรกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องเตรียมความพร้อมรับความไม่แน่นอนหลายด้านในอนาคต 
  • ในรายงาน Global Automotive ของ KPMG กล่าวถึงความท้าทายทั้งจากเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และส่งผลกระทบทั้งซัพพลายเชน 
  • การบริหารความเสี่ยง และการเสริมทักษะเทคโนโลยี AI ควบคู่กับการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเป็นทางรอดของธุรกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต 

แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคธุรกิจทำให้ ความเชื่อมั่นในการสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นของหลายธุรกิจลดลง รวมทั้งธุรกิจยานยนต์ ผู้บริหารก็เกิดความไม่มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลกำไรให้เติบโตให้ได้มากขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า

จากผลสำรวจ “Global Automotive Executive Survey” ครั้งที่ 24 ของบริษัท “KPMG” ซึ่งเป็นการสำรวจผู้บริหารในธุรกิจยานยนต์กว่า 1,000 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก พบว่ามีผู้บริหารเพียง 34% ที่ยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตของผลกำไร ลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีความเชื่อมั่น41% โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่เชื่อมั่นเพียง 10% จากปีที่ผ่านมาที่เชื่อมั่นถึง 32% 

ส่วนในประเทศแถบยุโรปตะวันตกก็มีความเชื่อมั่นลดลงเช่นกัน จาก 31% เหลือเพียง 24% สอดคล้องกับในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ลดลงจาก 48% เป็น 43% โดยมีเพียงประเทศจีนเท่านั้นที่ผู้บริหารมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยขยับจาก 28% เป็น 36% แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มซัพพลายเออร์กลับมีผลความเชื่อมั่นลดลง จาก 55% เหลือเพียงแค่ 23% เท่านั้น

 

ผู้บริหารมองบวกต่อการเปลี่ยนผ่านสู่รถ EV

จากรายงานระบุว่าผู้บริหารต่างคาดการณ์ว่าแนวโน้มการเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเพิ่มมากขึ้น KPMG ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ในปีก่อนถึงแนวโน้มการเข้าสู่ตลาดของยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลสำรวจที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ซึ่งต่างจากปีนี้ที่ผลสำรวจออกมาในทิศทางเดียวกัน โดยผู้บริหารเชื่อว่ายานยนต์ไฟฟ้าจะสามารถเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ผลสำรวจในยุโรปตะวันตกปีที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าในปี 2573 ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่จะมีสัดส่วน 24% ของยอดขายทั่วโลก โดยในปีนี้ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น30% ซึ่งสอดคล้องกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 29% เป็น 33% และในประเทศจีนที่การประมาณการเพิ่มขึ้นจาก 24% เป็น 36%

แม้ว่าจะมีค่ายรถยนต์แบรนด์ดังทยอยนำยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จาก Global Automotive Executive Survey ของKPMG พบว่า แบรนด์ Tesla จะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดได้ต่อไป เนื่องจากการเปิดโรงงาน Tesla Gigafactory แห่งใหม่ใกล้กรุงเบอร์ลินในเดือนมีนาคมปี 2565 ซึ่งสร้างให้ได้รับส่วนแบ่งการตลาด และสร้างการรับรู้ในยุโรปได้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ต่างรู้ว่าอนาคตคือสิ่งที่ต้องรีบคว้าไว้ โดยผู้บริหารกว่า 1,000 คนจาก 30 ประเทศต่างเห็นตรงกันว่ายานยนต์ไฟฟ้าเป็นโอกาสครั้งใหญ่ แต่ ณ ปัจจุบัน หลายๆ คนมีความระมัดระวังมากขึ้น ด้วยเพราะต้องใช้เงินลงทุนกว่าห้าแสนล้านดอลลาร์ในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสู่ธุรกิจ EV  ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนในระยะเวลาที่ผู้ประกอบการจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยในขณะนี้ได้มีผู้ผลิตยานยนต์หลายรายสูญเสียเงินไปกับการเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสั่นคลอนในกลุ่มผู้ผลิตและซัพพลายเออร์

แม้ว่าธุรกิจยานยนต์ในอนาคตจะสดใสมากขึ้นในอนาคต จะมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม ที่ทำให้ผู้คนมีความสุขและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกของเราได้อย่างแท้จริง แต่การจะไปถึงจุดนั้นเราจำเป็นต้องเอาชนะความท้าทายในระยะสั้นนี้ให้ได้ก่อน

ความท้าทายจากลูกค้า – เทคโนโลยี AI

 แกรี่ ซิลเบิร์ก หัวหน้าฝ่ายยานยนต์ระดับโลก KPMG ระบุว่าประสิทธิภาพยังคงเป็นจุดขายที่สำคัญที่สุด แต่ประสบการณ์ที่ดีที่ลูกค้าได้รับก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ประสบการณ์ในการซื้อยานยนต์ การมีซอฟต์แวร์ปฏิบัติการภายในที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ซึ่งอย่างหลังถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากยังมีประเด็นด้านความน่าเชื่อถือและความเสถียรของซอฟต์แวร์

สำหรับยานพาหนะที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด ผู้ใช้สามารถจัดหาแอปพลิเคชันไดรเวอร์ทุกประเภทได้เอง แต่หากผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไม่น่าสนใจก็ย่อมไม่มีผู้สมัครใช้บริการ โดยผลสำรวจในปีนี้พบว่าผู้บริหารในธุรกิจรับจ้างผลิตซอฟต์แวร์ต่างมีความมั่นใจน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนว่าจะยังสามารถสร้างรายได้จากระบบสมัครสมาชิกได้ เนื่องจากยังมีประเด็นเรื่องระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยยังคงมีกรณีการละเมิดข้อมูลทางไซเบอร์เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ต่างคิดว่าจะสามารถหาระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อป้องกันยานยนต์และรักษาข้อมูลของลูกค้าให้ปลอดภัยได้ แต่นั่นอาจเป็นความมั่นใจที่มากเกินไป

 

just in case มาแทนที่ just in time

หลังจากเผชิญภาวะ “disruption” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บรรทัดฐานใหม่ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานกำลังปรับเป็น " just in case " แทนที่ " just in time" บริษัทต่างๆ อยู่ในระหว่างการพยายามหาวิธีเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน และดูมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าสองปีก่อน

การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง generative AI ซึ่งคาดว่าจะนำระบบ automation เข้ามาใช้ โดยผู้ผลิตยานยนต์จำเป็นต้องฝึกอบรมพนักงานให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้ในทุกรูปแบบ และต้องแข่งขันกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อดึงดูดพนักงานที่มีทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ประโยชน์จาก AI เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีของ AI ในปีนี้ ดูเหมือนว่าบริษัทต่างๆ จะมีการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น โดยเทคโนโลยีไฮบริดได้ก้าวขึ้นจากอันดับที่สี่มาเป็นอันดับสองในด้านเทคโนโลยีของยานยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ในอีกห้าปีข้างหน้ายังคงมีความกังวลต่อการจัดหาสินค้าประเภท commodity และ component แต่ไม่ใช่กับประเทศจีนดังที่เราเห็นจากผลสำรวจ โดยผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ในประเทศจีนไม่ได้มีความกังวลในด้านการจัดหา ซึ่งอาจเป็นเพราะประเทศได้สำรองสินค้าประเภท commodity ที่สำคัญไว้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวัตถุดิบสำหรับแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้จากผลสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้ผลิตยานยนต์ได้มีการเตรียมความพร้อมน้อยลงกว่าปีก่อนในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) โมเดลเสมือนจริง (digital twins) และหุ่นยนต์ขั้นสูง (advanced robotics) โดยมีผู้บริหารเพียง 12% เท่านั้นที่เตรียมความพร้อม ซึ่งลดลงจาก22% ในปีก่อน

4 แนวทางยกระดับธุรกิจยานยนต์

จากการเผชิญกับความท้าทาย และโอกาสอย่างมากมาย ผู้บริหารยานยนต์ควรเร่งปรับกลยุทธ์ และเริ่มดำเนินการทันที ผลสำรวจจาก KPMG ได้ระบุแนวทาง 4 ประการที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในการยกระดับธุรกิจยานยนต์ ดังนี้

1. ผู้ผลิตยานยนต์ควรบริหารความเสี่ยงจากการกำหนดสัดส่วนธุรกิจเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าทางเลือกใหม่อย่างเหมาะสม โดยหากมีการกระจายรูปแบบที่มากเกินไปก็อาจมีโอกาสแพ้ให้กับคู่แข่งที่สามารถคาดการณ์อนาคตที่เจาะจงได้ดีกว่า ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการสามารถมองหาสิ่งใหม่ๆ ผ่านการใช้ความสามารถที่หลากหลาย และการมีมุมมองที่แตกต่างได้ จะช่วยสร้างทางเลือกหรือวิธีที่ดีที่สุดได้ต่อไป

2 .Generative AI กำลังสร้างจินตนาการให้กับผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ และกำลังขยายการใช้งาน AI ไปในวงกว้าง เราเชื่อว่าเทคโนโลยี AI สามารถนำมาใช้ในส่วนต่างๆ ของธุรกิจยานยนต์ได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การขาย และการขับขี่ คำถามสำคัญสำหรับผู้บริหารคือ องค์กรได้กำหนดกลยุทธ์ แผนการใช้ AI ได้อย่างครอบคลุมแล้วหรือไม่

3 .บริษัทยานยนต์มักจำกัดการพัฒนาเป็นจากภายในเท่านั้น ซึ่งมักจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าที่ควร ด้วยเพราะโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายภายใต้ทักษะที่จำกัด ดังนั้น จึงควรมองหาความเชี่ยวชาญจากภายนอกเพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพในการวิจัยและพัฒนาได้อย่างเต็มที่

และ 4. ระดับการเปลี่ยนแปลงสู่ยานยนต์ไฟฟ้ามีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยในยุโรป ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน มีความต้องการยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับในบางพื้นซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ เช่น ประเทศอินเดีย ทวีปละตินอเมริกา และทวีปแอฟริกากลับมีการเติบโตที่ช้า เนื่องจากประชากรในประเทศเหล่านี้มีรายได้ไม่สูง และการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เอื้ออำนวย

อย่างไรก็ตามบริษัทยานยนต์ต์ทั่วโลกก็ไม่ควรมองข้ามตลาดในภูมิภาคเหล่านี้ เนื่องจากมีการเติบโตของจำนวนประชากรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยานยนต์ควรมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นต่อการรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดจากภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจโลกที่ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานในตลาดยานยนต์

 

ทางรอดธุรกิจ - อุตสาหกรรม \'รถยนต์\' ในวันที่ EV มาแรง และ AI มีอิทธิพลต่อผู้ซื้อ

ด้าน ธิดารัตน์ ฉิมหลวง หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมการผลิต เคพีเอ็มจีประเทศไทย กล่าวว่าอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ผลิตยานยนต์จะต้องทบทวนกลยุทธ์อย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง เพราะในสถานการณ์โลกปัจจุบัน การปรับธุรกิจให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่มีแตกต่างในมิติต่างๆ เช่น ลูกค้าในแต่ละภูมิภาค รวมถึงความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ถือเป็นกุญแจสำคัญที่สร้างให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จ

 

ทางรอดธุรกิจ - อุตสาหกรรม \'รถยนต์\' ในวันที่ EV มาแรง และ AI มีอิทธิพลต่อผู้ซื้อ

เจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า แม้ว่าความเชื่อมั่นต่อการเติบโตในการสร้างผลกำไรของธุรกิจยานยนต์ในอีกห้าปีข้างหน้าของผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ( 34% เทียบกับ 41% ในปีก่อน) แต่ประมาณการเฉลี่ยสำหรับการเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น

นั่นแสดงให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามผู้บริหารจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจที่สำคัญ อันได้แก่ ด้านเทคโนโลยี โดยจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับยานพาหนะที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด

 “การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะธุรกิจในปัจจุบันและพร้อมเติบโตต่อไปได้ในอนาคตเป็นสิ่งที่จำเป็น"