‘เศรษฐา‘ ดึง ‘AWS’ บูม‘Tech Hub’ จัดงานใหญ่ในไทย หลังลงทุนแล้ว 1.1 หมื่นล้าน

‘เศรษฐา‘ ดึง ‘AWS’ บูม‘Tech Hub’ จัดงานใหญ่ในไทย หลังลงทุนแล้ว 1.1 หมื่นล้าน

“เศรษฐา” เปิดทำเนียบฯหารือผู้บริหาร “AWS” แจงแผนดัน ”คลาวด์กลางภาครัฐ“ ขอช่วยจัดงานใหญ่ดันไทยก้าวสู่ Tech Hub ภูมิภาค หลังขนเงินลงทุนไทยแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ทวิตเตอร์ (X) ส่วนตัวว่าวันนี้ (16 ก.พ.) ผู้บริหารของบริษัท Amazon Web Service (AWS) ได้เข้ามาพบ และแสดงความพร้อมจะช่วยผลักดัน “นโยบาย Cloud First” ของรัฐบาล

โดยในบรรดา Cloud ทั้งหมด AWS เป็นเจ้าแรกที่คิดค้น Concept Cloud Computing ขึ้นมา และได้เข้ามาลงทุนในไทยเรียบร้อย โดยมีเม็ดเงินที่ลงมาในประเทศแล้วกว่า 11,000 ล้านบาท

ถือเป็นโอกาสดี ที่องค์กรรัฐและเอกชนจะได้เข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ตั้งศูนย์อยู่ในเมืองไทยในวันนี้

ทั้งนี้ตนได้เชิญให้ทาง AWS จัดงานใหญ่ในประเทศไทย และฝากไปเชิญผู้บริหารระดับสูงให้มาพบกับเหล่านักธุรกิจ Startup จากทั่วภูมิภาคให้มาร่วมงานที่จัดโดย AWS ในประเทศไทยด้วย 

“รัฐบาลจะเป็น Facilitator ให้ไทยเป็น Tech Hub และเป็นสถานที่จัดงานไปพร้อม ๆ กันครับ” 

ก่อนหน้านี้ ในเดือน ต.ค.ปีก่อน AWS ประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลแบบ Regions ขึ้นในประเทศไทย ในชื่อ AWS Asia Pacific (Bangkok) Regions ที่จะมีศูนย์ข้อมูล AZ ให้บริการ 3 แห่ง ทำให้ภายในปลายปีนี้ AWS จะมีศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาค 35 แห่ง และมีพื้นที่ให้บริการ (AZ) อีก 111 โซน

เบื้องต้น AWS คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยกว่า 1.9 แสนล้านบาท ภายในช่วง 15 ปี พร้อมกับก่อให้เกิดการจ้างงาน และผลักดันบุคลากรให้มีทักษะดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย และจะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งให้ไทยได้กลายเป็นประเทศแถวหน้าในเศรษฐกิจดิจิทัลสำหรับภูมิภาคนี้

โดยนับตั้งแต่ AWS เข้ามาลงทุนตั้งสำนักงานในประเทศไทยเมื่อปี 2015 ก่อนนำเสนอบริการระดับโลกเข้ามาให้องค์กรธุรกิจ และสตาร์ทอัปในประเทศไทยได้เข้าถึง โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างการเริ่มให้บริการ AWS Outpost ที่เปิดให้ภาคธุรกิจไทยสามารถเข้าถึงโซลูชันในการใช้งานคลาวด์ได้อย่างเต็มรูปแบบ

รวมถึงการประกาศเปิด AWS Local Zone ในกรุงเทพฯ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อไปยังศูนย์ข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่า ทำให้สามารถส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว รองรับการทำงานที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะในยุคของ 5G ที่การส่งข้อมูลเกิดขึ้นในระดับมิลลิวินาที

คอเนอร์ แมคนามารา กรรมการผู้จัดการภาคพื้นอาเซียน AWS ให้ข้อมูลถึงการเติบโตของบริการคลาวด์ในประเทศไทยว่า เกิดขึ้นจากการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลของฝั่งธุรกิจ และภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมา การเข้ามาใช้งานคลาวด์จะช่วยลดระยะเวลาในการลงทุนทางด้านดิจิทัลได้จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาหลายเดือนทำให้เหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์

ปัจจุบัน ภาคธุรกิจในไทยใช้งบประมาณสำหรับการลงทุนคลาวด์เพียง 10% เท่านั้น ทำให้ AWS เห็นถึงโอกาสในการขยายตัวอีกมากจากภาคธุรกิจที่ใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิม ในการเปลี่ยนมาใช้บริการคลาวด์แทน

และสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การใช้งบประมาณลงทุนทางดิจิทัลจะช่วยให้สามารถคุมเงินลงทุนที่ใช้ พร้อมไปกับการสเกลธุรกิจเพื่อรองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนทั้งระบบไปในครั้งเดียวด้วย