ไทยคว้าอันดับ 3 ส่งออกไก่ปี 66 แตะ 1 แสนล้าน จี้รัฐลดอุปสรรคหนุนการแข่งขัน

ไทยคว้าอันดับ 3 ส่งออกไก่ปี 66 แตะ 1 แสนล้าน จี้รัฐลดอุปสรรคหนุนการแข่งขัน

ภาคปศุสัตว์ เสนอรัฐบาลทบทวนมาตรการนำเข้าถั่วเหลือง 3 ปี ลดอุปสรรคของอุตสาหกรรม ยกเลิกภาษี เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดโลก หลังปี 2566 ไทยคว้าอันดับ 3 ของโลกส่งออกเนื้อไก่ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมหนุนสร้างเสถียรภาพรายได้ของเกษตรกรภาคปศุสัตว์ไทยให้ยั่งยืน

ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ เปิดเผยว่า เกษตรกรและสมาคมฯ ชื่นชมการตัดสินใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหานำเข้ากากถั่วเหลืองได้ทันเวลา และพร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนนโยบายการส่งออกสินค้าอาหารของรัฐบาล เพื่อนำเข้าเงินตราต่างประเทศมาสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ไทยคว้าอันดับ 3 ส่งออกไก่ปี 66 แตะ 1 แสนล้าน จี้รัฐลดอุปสรรคหนุนการแข่งขัน

ซึ่งในปี 2566 เนื้อไก่และผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไทยมีปริมาณส่งออกมากกว่า 100,000 ตัน และมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากบราซิลและสหรัฐอเมริกา นับเป็นการขยับตำแหน่งขึ้นจากอันดับที่ 4 ในปี 2565 แสดงให้เห็นศักยภาพการพัฒนาและการแข่งขันของไก่ไทยในเวทีโลก

อย่างไรก็ตามไทยยังเสียเปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิต เพราะทั้งบราซิลและสหรัฐฯ เป็นแหล่งเพาะปลูกถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญของโลกซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในสูตรอาหารสัตว์ทำให้อาหารสัตว์มีราคาต่ำกว่าไทยมาก ขณะที่ไทยยังต้องนำเข้าวัตถุดิบทั้งสองชนิด เนื่องจากผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายกำกับการนำเข้าทั้งกากถั่วเหลือง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ภายใต้เงื่อนไของค์การการค้าโลก (WTO) ที่มีทั้งมาตรการภาษีและโควตาควบคุมการนำเข้า เช่น ภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองในโควตาเสียภาษี 2% นอกโควตาภาษี 119%

ขณะที่การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีการกำหนดโควตาจำนวนนำเข้า 54,700 ตัน ภาษีในโควตา 20% นอกโควตา 73% นอกจากนี้ยังจำกัดการนำเวลานำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน และจำนวนนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วนจาก 3 ส่วนของข้าวโพดในประเทศ จึงเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ ทำให้ไทยแข่งขันในตลาดโลกได้ยากขึ้น

 

อยากขอให้รัฐทบทวนมาตรการต่างๆเหล่านี้ เพื่อช่วยขจัดอุปสรรคทางการค้า ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไก่เนื้อไทยในตลาดโลกได้ และเชื่อว่าด้วยคุณภาพของไก่ไทยจะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ ช่วยสร้างเศรษฐกิจของชาติให้เข้มแข็งมากขึ้นได้ดังเป้าประสงค์ของรัฐบาล”

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เป็นต้นทุนหลักของเกษตรกร รัฐบาลจำเป็นต้องช่วยเหลือสนับสนุนให้ต้นทุนส่วนนี้ลดลง แต่กลับกลายเป็นว่าบางมาตรการของรัฐยิ่งทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรไทย ทั้งมาตรการนำเข้าข้าวสาลี 3:1 หรือ การเก็บภาษีวัตถุดิบนำเข้า อาทิ ภาษีกากถั่วเหลือง 2%, ภาษีกากเบียร์ (DDGS) 9% และภาษีปลาป่น 15%

หากรัฐยกเลิกมาตรการเหล่านี้ไปก็จะเป็นการช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรไทยมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงและมีเสถียรภาพรายได้ที่มั่นคงขึ้น จึงอยากขอร้องให้รัฐพิจารณาขจัดอุปสรรคเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว