ปิดฉาก 3 ปี “เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”ผอ.อคส.เปิดทางเพื่อไทยหาคนใหม่

ปิดฉาก 3 ปี “เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”ผอ.อคส.เปิดทางเพื่อไทยหาคนใหม่

“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”ทิ้งเก้าอี่้ ลาออกจากตำแหน่งผอ.อคส. เปิดทางเพื่อไทยหา”คนใหม่” สานต่อสะสางคดีทุจริต เดินหน้าหารายได้ พลิกฟื้น อคส. เผย 3 ปี “เกรียงศักดิ์”ลุยทุจริตโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรหลายโครงการ

“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต “ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 67  ต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มานานกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่เดือนก.ย.63 ถือเป็นการ”ปิดฉาก” การบริหารงานในเก้าอี้”ผอ.อคส. ภายใต้ภารกิจ 4 ด้านด้วยกัน คือการ ซ่อม สร้าง เพิ่ม และ สะสาง 

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่าน บนเก้าอี้ “ผอ.อคส.”บริหารงานภายใต้ความกดดันที่ถูกคาดหวังว่า จะช่วยให้”อคส.”กลับมายืนเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้หลังขาดทุนสะสมมานานกว่า 10 ปี พร้อมๆไปกับการสะสางการทุจริตโครงการต่างๆของอคส. ชื่อ"“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต “คือใคร น้อยคนที่จะรู้จัก   แต่หลังจากเข้ามารับตำแหน่งไม่กี่วัน ชื่อนี้ได้กลายเป็นคนที่รู้จักกันทั่วไปเพียงชั่วเวลาข้ามคืน จากการจับทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางฉาว 1.2 แสนล้านบาทส่งผลให้ อคส.เสียหายมากถึง 2,000 ล้านบาท นับเป็นคดีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นต่อจากคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

 

นอกจากการจับทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางฉาว 1.2 แสนล้านบาท ยังได้สะสางปัญหาต่างๆ ของอคส.ที่สะสมมานาน โดยเฉพาะเร่งรัดด้านคดีความที่เกิดจากการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ทั้งจำนำข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ตั้งแต่ก่อนปี 51 และหลังปี 51 รวมมากกว่า 1,000 คดี โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ที่ นายเกรียงศักดิ์ เดินหน้าฟ้องร้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง

โดยคดีแพ่ง ทุจริตจำนำข้าว 483 คดี ศาลปกครองกลางตัดสินให้ อคส. ชนะ 45 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 3,395 ล้านบาท และแพ้คดี 38 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 1,317 ล้านบาท มันสำปะหลัง 205 คดี อคส. ชนะ 92 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 6,257 ล้านบาท และแพ้ 5 คดี ต้องจ่าย 62 ล้านบาท 4.ข้าวโพด 12 คดี อคส.ชนะ 3 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 278 ล้านบาท และไม่แพ้คดีเลย 5.โครงการรัฐก่อนปี 51 จำนวน 49 คดี อคส.ชนะ 12 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 43 ล้านบาท และแพ้ 1 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 39 ล้านบาท

ด้านการจัดหารายได้ พบว่า  ผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดปี 65 มีรายได้รวม 707 ล้านบาท จากปี 62 ที่ 306 ล้านบาท ขาดทุน 99 ล้านบาท ลดจาก 157 ล้านบาทในปี 62 เป็นผลจากการลดรายจ่าย และเน้นธุรกิจคลังสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมาก ทำให้มีรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้ากว่า 73 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 25 ปี ส่วนปี 66 คาดขาดทุน 70 ล้านบาท มีรายได้รวม 718 ล้าน และรายได้คลังสินค้า 79 ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 25 ปีอีกครั้ง ขณะที่ปี 67 ตั้งเป้ารายได้จากค่าเช่าคลัง 85 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง

"เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต "กล่าวว่า  ช่วง 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. .มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นลำดับทุกด้าน โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น ขาดทุนลดลง ฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ผ่านๆมาเกือบ 500 คดี

“ทำงานใน 3 ปีที่ผ่านมามีปัญหาความขัดแย้งภายในทุกระดับ นอกจากจะโดนร้องเรียนผ่านหน่วยงานอิสระและคณะกรรมมาธิการต่างๆ ยังมีความพยายามขับไล่ให้พ้นตำแหน่งและเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ยังโดนพนักงานอคส.ฟ้องร้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งเมื่อพ้นจากตำแหน่งก็ยังมีคดีติดตัวต่อไป  “

ตำแหน่ง”ผอ.อคส.”จะมีวาระ 4 ปี แต่เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นรัฐบาลพรรคเข้ามาบริหารประเทศ “เกรียงศักดิ์ “ซึ่งเข้ามาในช่วงที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  จากพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ผู้นำสูงสุด และบอร์ดของรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดเก่า ต้องลาออก เนื่องจากมาจากคนละพรรคการเมือง อาจเกิดความไม่ไว้วางใจในการทำงาน

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า การทำงานของ”ผอ.อคส.”ถือว่า เข้าตาโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่อาจพลิกฟื้น รัฐวิสาหกิจ”อคส.”ให้กลับมาอยู่ในระดับที่ดีได้ เนื่องจากปัญหาภายในองค์กรและการทุจริตยังคงเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ต้องใช้เวลานานไม่อาจทำได้ในช่วงแค่เวลา 3 ปี ซึ่งคงต้องจับตาผอ.อคส.คนใหม่และบอร์ดอคส.ชุดใหม่ในยุคของ”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย จะเป็นใคร ที่จะเข้ามาบริหารในอคส. จะสานต่อภารกิจอคส  เดินหน้าสะสางคดีทุจริตและพลิกโฉมอคส.สู่การเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้ ลดขาดทุนสะสมและมีธรรมาภิบาล หรือจะทำให้อคส.กลับสู่วังวนเก่า เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์