‘ศุภวุฒิ’ กระทุ้ง ‘แบงก์ชาติ’ ชี้ดอกเบี้ยสูง กระทบเศรษฐกิจไทยรุนแรง

‘ศุภวุฒิ’ กระทุ้ง ‘แบงก์ชาติ’ ชี้ดอกเบี้ยสูง กระทบเศรษฐกิจไทยรุนแรง

“ศุภวุฒิ” กางข้อมูลดอกเบี้ยไทยสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แม้เงินเฟ้อติดลบ เตือนแบงก์ชาติ เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากกว่าที่คาดคิด ทั้งภาคบริโภคและการผลิต ชี้รัฐบาล-แบงก์ชาติ - ประชาชน อยู่เรือลำเดียวกัน อย่ารอให้วิกฤติก่อนแล้วค่อยหาทางแก้

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ   ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงิน บล.เกียรตินาคินภัทร  กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน 2.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ ติดลบ ถือเป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่รุนแรงมาก กว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์ไว้  เพราะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อที่แผ่วลง โดยเมื่อดูส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยกับอัตราเงินเฟ้อ สูงกว่าก่อนที่จะเกิดสถานการณ์วิกฤติโควิด-19

เมื่อดูข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ก่อนเกิดโควิด ดอกเบี้ยนโยบายเฉลี่ย 1.7% ขณะที่เงินเฟ้อ 0.6% จะเห็นว่า ดอกเบี้ยไม่สูงเท่าปัจจุบัน แต่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจพอสมควร เห็นจากภาวะเศรษฐกิจไม่เติบโตตามศักยภาพ ซึ่งตอนนี้ดอกเบี้ยที่สูงนั้น กระทบต่อกำลังซื้อ และการลงทุนของเอกชน  

เท่าที่เคยหารือ ธปท. ไม่ได้มองส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างไทย กับต่างประเทศ ในการเป็นปัจจัยที่จะลดดอกเบี้ย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการที่คงดอกเบี้ยใว้ในระดับสูง เพื่อรองรับวิกฤติหรือไม่  ก็อยากจะถามกลับว่า จะต้องรอให้เกิดวิกฤติรุนแรง แบบที่ เรือไททานิค ชนภูเขาน้ำแข็งก่อนหรือไม่ ทั้งที่จริงๆทั้ง ธปท.กับรัฐบาล ประชาชนก็อยู่บนเรือลำเดียวกัน

“เรื่องดอกเบี้ย จะลดลงหรือไม่ ต้องไปถามแบงก์ชาติเอง แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจน ส่วนจะตอบเรื่องวิกฤตนั้น มองว่าแต่ละคนได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ถามคนมีรายได้น้อย มีหนี้สินมาก คำตอบ คือ เกิดวิกฤติ  แต่ถ้าเอานิยามตามเศรษฐกิจทั่วไป ก็ยังไม่เกิดวิกฤต ผมคิดว่า เรื่องนี้อยู่ที่ถามใคร และได้รับผลกระทบขนาดไหน” 

นายศุภวุฒิ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า ต้องดูหลายปัจจัยแม้ว่าภาคการท่องเที่ยว มีสัญญาณการฟื้นตัว แต่ในช่วงครึ่งปีแรก ต้องดูกำลังซื้อ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ว่า จะมีการใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจีน ที่รัฐบาลคาดหวังว่าจะเข้ามาเที่ยวไทย การใช้จ่ายอาจไม่เต็มที  

เพราะว่าเศรษฐกิจจีน มีปัญหาภายใน นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยที่สูง ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ไม่ได้ช่วยภาคการท่องเที่ยว เป็นอีกปัจจัยที่กระทบต่อการท่องเที่ยวในปีนี้ด้วยเช่นกัน 

ส่วนเรื่องการสร้างความมั่นใจการลงทุน ว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญการดึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)  ซึ่งหากทำให้มีนักลงทุนมาลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ หรือโครงการใหญ่ๆ จะสร้างเรื่องราวให้ประเทศไทย ช่วยให้มีเงินทุนไหลเข้า จะค่อยๆเพิ่มความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น  เมื่อมีการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างแท้จริง  เช่น ดิจิทัล  พลังงานสะอาด เซมิคอนดักเดอร์  ก็จะเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน เพิ่มมากขึ้น  

“5 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย ไม่บวกเลย เพราะไม่มีความเชื่อมั่น ขาดความมั่นใจ แต่เรื่องนี้แก้ได้  โดยรัฐบาล ต้องทำให้เห็นความแข็งแกร่ง สามารถชักจูงการลงทุนต่างประเทศได้ จะทำให้พอร์ตฟอริโอ อินโฟ เป็นบวกได้”