เฝ้าระวัง 33 จังหวัดเสี่ยงแล้ง นาปรังเกินแผน น้ำเค็มรุก จี้เข้มแผนน้ำ

เฝ้าระวัง 33 จังหวัดเสี่ยงแล้ง นาปรังเกินแผน น้ำเค็มรุก จี้เข้มแผนน้ำ

กอนช. เตรียมปรับแผนจัดสรรน้ำหลังมีการเพาะปลูกเกินแผน เร่งแก้ปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำสายหลัก วางแผนถอดบทเรียนแก้ท่วมใต้เพื่อรับมือฤดูฝนหน้า

 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังประธานการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน เป็นต้น เข้าร่วมการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ว่า

เฝ้าระวัง 33 จังหวัดเสี่ยงแล้ง นาปรังเกินแผน น้ำเค็มรุก จี้เข้มแผนน้ำ

 สทนช. ได้ประเมินพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค ช่วงฤดูแล้ง ปี 2566/67 พบว่า มีพื้นที่เสี่ยง 33 จังหวัด 167 อำเภอ 415 ตำบล ซึ่ง สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และแก้ไขปัญหาในเชิงป้องกัน โดยที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง อาทิ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในปัญหาขาดแคลนน้ำดิบเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยขณะนี้กรมทรัพยากรน้ำอยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการเพิ่มปริมาณน้ำดิบในแหล่งน้ำในพื้นที่ 

ทั้งนี้สทนช.ได้มีการติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรนอกเขตชลประทานอย่างใกล้ชิดและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันมีการเพาะปลูกเกินกว่าแผนที่กำหนดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งกระทบต่อการจัดสรรน้ำ จึงจะมีการหารือร่วมกันระหว่าง สทนช. กรมอุตุนิยมวิทยา สสน. กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อปรับแผนการจัดสรรน้ำ โดยคำนึงถึงการรักษาปริมาณน้ำให้ถึงเดือน พ.ย. 67 หรือต้นฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ด้วย

เฝ้าระวัง 33 จังหวัดเสี่ยงแล้ง นาปรังเกินแผน น้ำเค็มรุก จี้เข้มแผนน้ำ เฝ้าระวัง 33 จังหวัดเสี่ยงแล้ง นาปรังเกินแผน น้ำเค็มรุก จี้เข้มแผนน้ำ

ดร.สุรสีห์ กล่าวต่อว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำเค็มในแม่น้ำหลัก 4 สาย ได้แก่ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง ปัจจุบันประสบปัญหาลิ่มความเค็มรุกล้ำเข้ามาในลำน้ำเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ระดับความเค็มในหลายจุดเพิ่มสูงขึ้น สำหรับสถานีสูบน้ำสำแล ระดับความเค็มยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการผลิตน้ำประปา แต่จะมีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอย่างใกล้ชิด และหากมีระดับความเค็มสูงขึ้น สทนช. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่อผลักดันน้ำเค็ม ลดผลกระทบต่อประชาชนโดยเร็ว

ในส่วนของสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงซึ่งที่ผ่านมามีระดับน้ำลดลง สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประสานไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เพื่อประสานความร่วมมือกับประเทศที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง เพื่อร่วมกันรักษาปริมาณน้ำไม่ให้น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แต่ปัจจุบันระดับน้ำยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลกระทบ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

“สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ขณะนี้คลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แม้คาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ แต่จะไม่ส่งผลกระทบเนื่องจากมีปริมาณไม่มาก ซึ่งในช่วงสัปดาห์หน้า สทนช. จะลงพื้นที่ภาคใต้ ณ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ จ.ยะลา เพื่อถอดบทเรียนการดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้การเตรียมรับมือสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนถัดไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”