‘เศรษฐา’แจกงบฯกลาง ‘กลุ่มจังหวัดอันดามัน’ 18 โครงการ 552 ล้าน

‘เศรษฐา’แจกงบฯกลาง ‘กลุ่มจังหวัดอันดามัน’   18 โครงการ 552 ล้าน

"ครม.สัญจร" ระนองอนุมัติงบกลางฯ 18 โครงการ วงเงิน 552 ล้านบาท ตามข้อเสนอ กรอ.ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่วนอีก 2 โครงการให้ใช้แหล่งงบฯปกติจากแหล่งเงินที่มีการเสนอมาก่อนหน้านี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.ระนอง วันนี้ (23 ม.ค.) เห็นชอบข้อเสนอของที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 6 จังหวัด คือ จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล จำนวน 18 โครงการ วงเงินรวม 552 ล้านบาท โดยใช้วงเงินจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปี 2566

อนุมัติ 13 โครงการ 350 ล้าน

แบ่งเป็นโครงการที่เสนอโดยภาครัฐ 13 โครงการวงเงินรวม 350 ล้านบาท โดยเฉลี่ยกลุ่มจังหวัด 50 ล้านบาท และอนุมัติให้กับ 6 จังหวัดในพื้นที่จังหวัดละ 50 ล้านบาท และโครงการของภาคเอกชนที่เสนอเข้ามา 7 โครงการอนุมัติให้ 5 โครงการวงเงินรวม 202 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

1.การอนุมัติโครงการให้กับหน่วยงานภาครัฐ 13 โครงการได้แก่

โครงการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 2 โครงการ วงเงินรวม 50 ล้านบาท ได้แก่โครงการผนึกกำลังผู้ประกอบการทางการค้ากับเศรษฐกิจท่องเที่ยวอันดามัน เชิง สร้างสรรค์ วงเงิน 33.2 ล้านบาท  โครงการมารีน่าชุมชน ยกระดับคุณภาพ โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเรือท่องเที่ยวชุมชน ทะเลอันดามัน วงเงิน 16.8 ล้านบาท

โครงการจังหวัดภูเก็ต 2 โครงการ วงเงินรวม 50 ล้านบาท  ได้แก่โครงการปรับปรุงพื้นฟูที่ฝังกลบขยะ มูลฝอย ณ ศูนย์กำจัดขยะ เทศบาลนคร จ. ภูเก็ต วงเงิน 35 ล้านบาท  โครงการก่อสร้างเขื่อน คลองบางใหญ่ เฟส 2 วงเงิน 15 ล้านบาท

โครงการจังหวัดกระบี่ 1 โครงการวงเงินรวม 50 ล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาการท่องเที่ยว แบ่งเป็นโครงการเพิ่มศักยภาพการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินของเมืองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์การแพทย์ ประกอบห้องปฏิบัติการตรวจหัวใจ และการฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ และการปรับปรุงห้องผ่าตัด และพื้นที่บริเวณห้องผ่าตัดโครงการคลองท่อม  

โครงการจังหวัดตรัง 2 โครงการวงเงินรวม 50 ล้านบาท ได้แก่ โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือควนตุ้งกู บ้านควนตุ้งกู ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง วงเงิน 25 ล้านบาท และโครงการขับเคลื่อนจังหวัดตรังสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร เพื่อเข้าร่วมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์องค์กรยูเนสโก วงเงิน 25 ล้านบาท

โครงการจังหวัดพังงา 2 โครงการ วงเงินรวม 50 ล้านบาท ได้แก่ โครงการท่าเทียบเรืออัจฉริยะ จ.พังงา วงเงิน 42.5 ล้านบาท และโครงการติดตั้งระบบดับเพลิง พร้อมระบบท่อส่งน้ำและตู้อุปกรณ์ดับเพลิงอบต.ปันหยี วงเงิน 7.5 ล้านบาท 

โครงการจังหวัดระนอง 1 โครงการ วงเงิน 50 ล้านบาท ได้แก่ โครงการปรับปรุงถนน และระบบ สาธารณูปโภคพร้อมปรับภูมิทัศน์ถนนจัดสรร พัฒนา ตำบลบางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง 

และโครงการจังหวัดสตูล 3 โครงการ วงเงินรวม 50 ล้านบาท ได้แก่ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพศูนย์กำจัดขยะ มูลฝอยแบบครบวงจร เทศบาลต.กำแพง วงเงิน 19,902,000 บาท โครงการติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำบริเวณ อ่าวประมง เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา วงเงิน 12,903,000 บาท และโครงการถนนบนคันคลองส่งน้ำ LMC ฝายดุสน ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล วงเงิน 17,195,000 บาท 

สำหรับ 5  โครงการที่เสนอโดยภาคเอกชน ที่ ครม.สัญจร จ.ระนอง เห็นชอบได้แก่

1.โครงการปรับปรุง เกาะยาวจังหวัดพังงาจังหวัดพังงางบ 55 ล้านบาท

2. โครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำถนนนาเกาะ-บางโจตำบลศรีสุนทรอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต วงเงิน 10.8 ล้านบาท

 3.โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง ระยะสองวงเงิน 45 ล้านบาท

4.โครงการปรับปรุงท่าเรือระนอง-เกาะสองเพื่อการท่องเที่ยวและสัญจรตำบลปากน้ำอำเภอเมืองจังหวัดระนองวงเงิน 70.5 ล้านบาท

และ5.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชุมชนจังหวัดสตูลวงเงิน 20.789 ล้านบาทรวมเจ็ดโครงการวงเงิน 447.09 ล้านบาท

2 โครงการข้อเสนอเอกชนให้ใช้งบฯปกติ 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าสำหรับ 2 โครงการที่ ครม.ไม่ได้อนุมัติในวันนี้ เนื่องจากมีแหล่งเงินอื่นรองรับโครงการอยู่จึงให้ไปใช้แหล่งเงินที่มีการเสนอไปขอก่อนหน้านี้ ได้แก่

1.โครงการท่าเรือมาเนาะห์ - ช่องหลาด เกาะยาวใหญ่น้อย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดพังงาวงเงิน 175 ล้านบาท เป็นโครงการที่มีการเสนอของบประมาณปี 2567 แล้ว

2.โครงการยกระดับและพัฒนาศักยภาพระบบการแพทย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เสนอโดยจังหวัดกระบี่ วงเงิน 70 ล้านบาท โครงการนี้ได้เสนอของบประมาณแบบผูกพันงบประมาณ 3 ปีงบประมาณ จึงให้มีการของบประมาณตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำคำของบประมาณต่างจึงให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการเสนอของบประมาณเข้ามาในปีงบประมาณ 2568 ด้วย