'พาณิชย์' เตรียมไฟเขียวขึ้นราคา 'นมกล่อง' 50 สตางค์

'พาณิชย์' เตรียมไฟเขียวขึ้นราคา 'นมกล่อง' 50 สตางค์

พาณิชย์ เตรียมอนุมัตินมกล่องปรับราคา 50 สตางค์ หลังต้นทุนน้ำนมดิบปรับตัวสูงขึ้น จับตาราคานำเข้าปุ๋ย-เหล็กต้นทุนพุง จากวิกฤติ "ฮูตี" โจมตีทะเลแดง

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) อนุมัติให้ปรับราคากลางรับซื้อน้ำนมโค ณ หน้าโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม กิโลกรัมละ 2.50 บาท คือปรับจาก เดิมกิโลกรัมละ 20.50 บาท เป็นกิโลกรัมละ 22.75 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนมว่ากระทรวงพาณิชย์จะรับมติมิลค์บอร์ดมาดำเนินการ โดยจะพิจารณาราคาผลิตภัณฑ์นมพาณิชย์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนของน้ำนมดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น  ซึ่งตามขั้นตอนผู้ประกอบการสามารถยื่นเรื่องขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายมายังกรมการค้าภายใน โดยกรมจะใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติราคาภายใน 15 วันหลังจากที่ผู้ประกอบการยื่นขอปรับ

“การปรับขึ้นราคานมจะไม่เท่ากัน แตกต่างตามสัดส่วนของการใช้น้ำนมดิบของแต่ละผลิตภัณฑ์ของแต่ละแบรนด์ ทั้งนมยูเอชที นมพาสเจอไรซ์ และนมสเตอริไลซ์ โดยนมรสจืด จะปรับขึ้นราคามากที่สุดเนื่องจากมีสัดส่วนนมดิบ 100% คาดว่าการปรับราคานมดิบครั้งนี้ จะส่งผลกระทบทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมเฉลี่ย 40-50 สตางค์ต่อกล่อง  สำหรับขนาดมาตรฐาน บรรจุ 225 มิลิลิตร ”

ส่วนกรณีการปรับขึ้นราคา ไข่ไก่ และเนื้อหมูนั้น กรมการค้าภายในได้รับข้อสั่งการของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ มาดำเนินการ โดยจะเร่งประสานกับผู้เลี้ยงเพื่อเข้าไปช่วยดูแลเรื่องต้นทุนการผลิต และรักษาสมดุลราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์

ร้อยตรีจักรากล่าวถึงผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบในการผลิตสินค้า จากกรณีกองทัพฮูตีโจมตีเรือขนส่งสินค้าเส้นทางทะเลแดงว่า จากการหารือร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และตัวแทนสายการเดินเรือ พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราค่าระวางเรือที่แพงขึ้น โดยเฉพาะ วัตถุดิบปุ๋ยเคมี และเหล็ก แต่ยังไม่กระทบทำให้ราคาจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้น โดยพบว่าเหล็กยังมีแนวโน้มความต้องการใช้ในตลาดโลกในอัตราที่ต่ำ เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ประสบปัญหาวิกฤติด้านอสังหาริมทรัพย์ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างชะลอตัวทำให้ปริมาณการผลิตสูงกว่าความต้องการ จึงยังไม่ส่งผลกระทบให้ราคาเหล็กในประเทศปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนปุ๋ยเคมี ยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายภายในเช่นกัน เนื่องจากปุ๋ยในตลาดโลกมีแนวโน้มราคาทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่สถานการณ์การใช้ยัง ทรงตัว รวมทั้งยังมีปัจจัยบวกจากราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

“ขณะนี้การนำเข้าปุ๋ยและเหล็กยังไม่มีผลกระทบด้านราคา แต่เริ่มมีผลกระทบทางด้านต้นทุนการนำเข้าแล้วจากค่าระวางที่ปรับขึ้น โดยหลังจากนี้จะต้องจับตาสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิดต่อไป”