แอร์ไลน์ดีดรับยกเลิกวีซ่าไทย – จีน คาด ‘ผู้โดยสาร’ ฟื้นตัว 75%

แอร์ไลน์ดีดรับยกเลิกวีซ่าไทย – จีน คาด ‘ผู้โดยสาร’ ฟื้นตัว 75%

“สายการบิน” คึกคักรับนโยบายยกเลิกวีซ่าไทย - จีน แห่เปิดรูทบินใหม่ พร้อมเพิ่มความถี่เที่ยวบิน ทอท.คาดดันผู้โดยสารเดินทางเข้าไทยพุ่ง 8 ล้านคน ฟื้นตัว 75% เทียบกับก่อนโควิดในปี 2562

“ยกเลิกวีซ่าไทย - จีน” ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล “เศรษฐา 1” ที่ต้องยอมรับว่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแน่นแฟ้นขึ้น โดย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 ม.ค.2567 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยและประเทศจีนมีข้อตกลงในการยกเว้นวีซ่าให้กับสองประเทศที่จะเดินทางเข้าออกระหว่างกันเป็นการถาวร

โดยเป็นการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้ไทยได้ยกเว้นวีซ่าให้กับจีนในการพำนัก 30 วัน เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่ 25 ก.ย.66 – 9 ก.พ.2567 ให้นักท่องเที่ยวจีนสามารถเข้ามาพำนักในประเทศไทยได้ 30 วันก่อนจะมีการประกาศว่าจะมีการยกเลิกวีซ่าถาวรให้กับทั้งสองประเทศในวันนี้เริ่ม 1 มี.ค.เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดี ผลพวงที่จะเกิดขึ้นจากการผลักดันข้อตกลงดังกล่าว แน่นอนว่าจะส่งผลบวกทันทีต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ตื่นตัวคักคึก เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและจีนเดินทางท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำให้ปริมาณการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัว จากตัวเลขในปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนเคยเข้าไทยสูงสุด 10 ล้านคนใน ขณะที่ปีที่ผ่านมามีจำนวนประมาณ 3.5 ล้านคน ซึ่งยังน้อยกว่าที่นยังน้อยกว่าที่ยังตั้งเป้าไว้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้าไทยประมาณ 5 – 8 ล้านคน

สำหรับการตื่นตัวของภาคธุรกิจที่เด่นชัดสุดในขณะนี้ หนีไม่พ้นอุตสาหกรรมการบินที่ออกมาประกาศเตรียมเพิ่มรูทบินไปยังเมืองต่างๆ ในจีน รวมทั้งเพิ่มความถี่เที่ยวบินเพื่อรองรับดีมานด์การเดินทางท่องเที่ยวจากคนไทยไปจีน และจัดโปรโมชั่นกระตุ้นคนจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยด้วย

โดยล่าสุด “การบินไทย” ประกาศตารางบินฤดูร้อนที่จะเริ่มในวันที่ 31 มี.ค.2567 รับนโยบายยกเลิกวีซ่าไทย - จีน ด้วยการปรับเพิ่มความถี่เส้นทางบินไปยังเมืองต่างๆ ในจีน ประกอบด้วย

- เส้นทางกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง ไป-กลับ ทำการบิน  7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

- เส้นทางกรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ไป-กลับ ทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

- เส้นทางกรุงเทพฯ-กวางโจว ไป-กลับ ทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

- เส้นทางกรุงเทพฯ-คุนหมิง ไป-กลับ ทำการบิน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 31 มี.ค. 2567

- เส้นทางกรุงเทพฯ-เฉิงตู ไป-กลับ ทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 31 มี.ค. 2567

ขณะที่สายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท” ประกาศเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศไทยและจีน บินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่เมืองปักกิ่ง เริ่ม 1 มี.ค.2567 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดเส้นทางบินไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ และ หางโจว ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.และ 20 ธ.ค.2566 ตามลำดับ เพื่อตอบรับนโยบายรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยว (วีซ่าฟรี) ชั่วคราวสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐประชาชนจีน

แอร์ไลน์ดีดรับยกเลิกวีซ่าไทย – จีน คาด ‘ผู้โดยสาร’ ฟื้นตัว 75%

เช่นเดียวกับ “ไทยแอร์เอเชีย” ให้บริการเส้นทางบินใหม่ บินตรงจากดอนเมืองสู่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ไทยแอร์เอเชียให้บริการในเส้นทางดังกล่าว โดยจะเริ่มทำการบินในวันที่ 2 ก.พ. 2567 จำนวน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (จันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์)

ซึ่งเป็นการขยายรูทบินเพิ่มเติมจากเดิมให้บริการเส้นทางบินตรงสู่ประเทศจีนจำนวน 11 เส้นทาง ได้แก่ จากดอนเมืองสู่ กวางโจว เซินเจิน ฉงชิ่ง ฉางซา ซีอาน ซัวเถา อู่ฮั่น หางโจว คุนหมิง เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้  และไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (รหัสเที่ยวบิน XJ) ให้บริการเส้นทางบินตรงสู่ประเทศจีนจำนวน 1 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – เซี่ยงไฮ้

ด้านผู้ให้บริการท่าอากาศยานหลักในประเทศไทย “กีรติ กิจมานะวัฒน์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการ และหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน (VISA FREE) ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 มี.ค.2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ ทอท.เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของนักเดินทางชาวจีนและชาวไทยที่จะเดินทางไปกลับระหว่างสองประเทศ

โดย ทอท.ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม

"ทอท.คาดว่าในช่วงที่มีมาตรการ VISA FREE ในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน ฟื้นตัว 75% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11.1 ล้านคน"

นอกจากการอำนวยความสะดวกในด้านการให้บริการผู้โดยสารแล้ว ทอท.จะประสานความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยว และสายการบิน อาทิ สนับสนุนสายการบินให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน 175 บาทต่อผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 1 คน

ทั้งนี้ ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยานจะต้องไม่เกิน 75% ของค่าบริการขึ้นลงของอากาศยานของเที่ยวบินส่วนเพิ่ม โดยมีระยะเวลาของโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566 – 31 มี.ค. 2567 รวมไปถึงโครงการสำหรับสายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่ (New Routes Incentive)

โดย ทอท.จะพิจารณาให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ค่าบริการที่เก็บอากาศยาน และค่าบริการใช้สะพานเทียบเครื่องบิน (Landing Charges, Parking Charges และ Boarding Bridge Charges) เพื่อดึงดูดให้สายการบินเปิดเส้นทางการบินใหม่มาที่ท่าอากาศยานหลัก และท่าอากาศยานในภูมิภาคของ ทอท.เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย