กรมประมงแจ้งเกิด 2 สายพันธุ์กุ้ง "เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค

กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง "เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค

กรมประมง จับมือ สวก. วิจัยด้านกุ้งสำเร็จ ได้กุ้งขาวแวนาไม 2 สายพันธุ์ใหม่ "เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค จ่อส่งเสริมเกษตรกร สร้างทางเลือก เพิ่มขีดความสามารถในการเพาะเลี้ยงอุตสาหกรรมกุ้งไทย

นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า  กรมประมงได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สวก.ดำเนินการโครงการศึกษาวิจัยเรื่อง“การสร้างประชากรพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดโรคและโตดีเพื่อการเพาะเลี้ยงในประเทศไทยและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน”เพื่อพัฒนาสายพันธุ์กุ้งขาวแวนนาไมให้มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์

กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง \"เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง \"เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค

โดยการคัดเลือกร่วมกับการพัฒนาและประยุกต์ใช้เครื่องหมายพันธุกรรมโมเลกุล ซึ่งได้แก่ เครื่องหมายสนิป และไมโครแซทเทลไลท์ จนประสบผลสำเร็จ และได้กุ้งขาวแวนนาไม 2 สายพันธุ์ใหม่ คือ“เพชรดา 1 ”(เพ็ด-ชะ-ดา-หนึ่ง)ซึ่งมีลักษณะเด่นด้านการเจริญเติบโตดี และ“ศรีดา 1”มีลักษณะเด่นในด้านการต้านทานโรค EMS-AHPNDเป็นทางเลือกให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลได้ใช้ประโยชน์ทดแทนการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ จากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยมั่นคงและยั่งยืน

 

ทั้งนี้กุ้งทะเลเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก โดยในอดีตสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละกว่าแสนล้านบาท เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูงทั้งภายในและต่างประเทศ กระทั่งเมื่อปี 2555 การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลของไทยประสบวิกฤตการระบาดของโรคตายด่วน หรือ EMS-AHPND สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทยตลอดห่วงโซ่การผลิต ซึ่งที่ผ่านมา กรมประมงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลอย่างต่อเนื่อง

กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง \"เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค

กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง \"เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค

นายคงภพ อำพลศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง กล่าวว่า   ได้นำประชากรกุ้งขาวแวนนาไมมาจาก 4 แหล่ง คือ SIS, Guam, Kona Bay และสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมด้วยการใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอไมโครแซทเทลไลท์ จำนวน8 ตำแหน่ง และตรวจสอบการปลอดจากเชื้อก่อโรค 8 โรค คือ

โรคตัวแดงดวงขาว (WSSV) โรคทอร่าซินโดรม (TSV)โรคหัวเหลือง (YHV) โรคแคระแกร็น (IHHNV) โรคกล้ามเนื้อขาวหรือกล้ามเนื้อตาย (IMNV) โรคไวรอลโคเวร์ทมอร์ทาลิตี้ (CMNV) โรคอีเอชพี (EHP) และโรคเอเอชพีเอ็นดี (AHPND) หรือโรคตายด่วน (EMS-AHPND) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียVibrio parahaemolyticusในการปรับปรุงพันธุ์ดำเนินการเลี้ยงกุ้งภายใต้ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity)

ศึกษาเปรียบเทียบการเจริญเติบโต ควบคู่ไปกับการตรวจวิเคราะห์เปรียบเทียบความหลากหลายทางพันธุกรรมระหว่างประชากรโดยใช้เครื่องหมายไมโครแซทเทลไลท์ ซึ่งผลการศึกษาปรากฎว่า

ประชากรกุ้งขาวที่รวบรวมจากแหล่งภายในประเทศเหมาะสมที่สุดสำหรับนำมาใช้เป็นประชากรพื้นฐาน(base population) ในกระบวนการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ เพื่อสร้างประชากรพ่อแม่พันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงและใช้ประโยชน์ในประเทศไทยอย่างยั่งยืน

 

 

 

หลังจากนั้น จึงดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีการคัดเลือก (selective breeding) จำนวน 6 รอบคัดเลือก หรือ 6 รุ่น/ชั่วอายุ (generations) โดยเป็นการดำเนินการบนพื้นฐานวิธีแบบมาตรฐานเดิม (conventional) ร่วมกับการพัฒนาและประยุกต์ใช้เครื่องหมายโมเลกุล (molecular markers) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความแม่นยำในกระบวนการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ จนสามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้ประชากรพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดโรค 2 สายพันธุ์ คือ“เพชรดา 1 ” และ“ศรีดา 1” นั่นเอง

กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง \"เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค กรมประมงแจ้งเกิด  2 สายพันธุ์กุ้ง \"เพชรดา 1” โตดี และ “ศรีดา 1” ต้านโรค

ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่าสายพันธุ์โตดี“เพชรดา 1 ”ซึ่งทำการปรับปรุงพันธุ์และดำรงรักษาสายพันธุ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี จากผลการเลี้ยงทดสอบการเจริญเติบโตในบ่อผ้าใบภายนอกอาคาร และการเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ภายในอาคารปรับปรุงพันธุ์ พบว่า การเลี้ยงกุ้งสายพันธุ์ “เพชรดา 1 ”ทั้ง 2 แบบ แสดงการเจริญเติบโตสูงขึ้นจากรุ่น P0 ถึงรุ่น F6

นอกจากนี้การทดสอบการเจริญเติบโตโดยการเลี้ยงเปรียบเทียบกับพันธุ์กุ้งจากแหล่งอื่น ทั้งในฟาร์มเกษตรกรและในศูนย์ฯ พบว่า สายพันธุ์โตดี “เพชรดา 1 ” มีค่าเฉลี่ยการเจริญเติบโตสูงกว่าพันธุ์กุ้งแหล่งอื่นที่นำมาเปรียบเทียบ และจากการเลี้ยงกุ้งรุ่น F6 ในบ่อผ้าใบความจุ25 ลูกบาศก์เมตร พบว่า ผลการเจริญเติบโตกุ้งมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.46 กรัม/วัน น้ำหนักเฉลี่ย 43.76 กรัม/ตัว และมีอัตรารอดตายเฉลี่ย 91%

ส่วนสายพันธุ์ต้านโรคEMS-AHPND“ศรีดา 1”ทำการปรับปรุงพันธุ์และดำรงรักษาสายพันธุ์ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำนครศรีธรรมราช จากผลการทดสอบความต้านทานเชื้อก่อโรค EMS-AHPND พบว่า ค่าเฉลี่ยอัตรารอดตาย จาก 37.51±12.24% ในรุ่น P0 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 63.59±33.36% ในรุ่น F6 โดยผลการทดสอบความต้านทานเชื้อก่อโรค EMS-AHPND ในรุ่น F4, F5 และ F6 เปรียบเทียบกับกุ้งจากแหล่งพันธุ์อื่น พบว่า

กุ้งทุกรุ่นมีอัตรารอดตายเฉลี่ยไม่แตกต่างกับทุกแหล่งพันธุ์ที่นำมาเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบกุ้งสายพันธุ์ต้านโรค EMS-AHPND “ศรีดา 1” ในรุ่น F6 ได้แสดงถึงความสามารถในการต้านเชื้อก่อโรค EMS-AHPND ของกุ้งกลุ่มคัดเลือกรุ่นล่าสุดว่ามีเพิ่มสูงขึ้นมากกว่ากุ้งกลุ่มควบคุมในรุ่นเดียวกันและกุ้งจากแหล่งพันธุ์เอกชนบางแหล่ง

 ขณะนี้กุ้งขาวแวนนาไมทั้ง 2 สายพันธุ์ ยังอยู่ในระยะการวิจัยเพื่อต่อ ยอดเพิ่มเติม โดยกรมฯ ได้นำกุ้งขาวที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์จากโครงการฯ ดังกล่าว มาทำการทดสอบในเชิงพาณิชย์ ทั้งในด้านการใช้พ่อแม่พันธุ์ การเพาะฟักและอนุบาล รวมถึงการนำไปเลี้ยงให้ได้ขนาดที่ตลาดต้องการในบ่อเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรที่มีรูปแบบและสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการนำกุ้งขาวทั้ง 2 สายพันธุ์ ไปเลี้ยงให้เกิดผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ

ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเลได้ใช้ประโยชน์ในการทดแทนการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์กุ้งทะเลจากต่างประเทศ ลดการใช้พ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวจากบ่อดินซึ่งมีความเสี่ยงกับเชื้อก่อโรค ลดการสูญเสียผลผลิตของเกษตรกรจากโรคระบาด อีกทั้งผลผลิตได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งจะยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งของไทยมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป