'พาณิชย์' ดันเป้าส่งออกปีหน้าโต 2% มั่นใจเศรษฐกิจคู่ค้าฟื้น

“พาณิชย์” ตั้งเป้าส่งออกปีหน้า 2% มั่นใจเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าฟื้นตัว เผยส่งออก 11 เดือนปีนี้ ติดลบ 1.5% ลุ้นเดือนสุดท้ายหนุนทั้งปีติดลบน้อยกว่า 1.5% สรท.ไม่ห่วงส่งออกจีนติดลบในรอบ 4 เดือน มั่นใจไตรมาส 1 ฟื้นตัว
กระทรวงพาณิชย์รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน พ.ย.2566 และในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 โดยการส่งออกเดือน พ.ย.2566 มีมูลค่า 23,479 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 4.9% ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยถ้าหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย จะขยายตัว 4.0%
ขณะที่การนำเข้าในเดือน พ.ย.2566 มีมูลค่า 25,879 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วขยายตัว 10.1% และทำให้ขาดดุล 2,399 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เมื่อรวม 11 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออก มีมูลค่า 261,770 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 1.5% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 267,935 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 3.8% ส่งผลให้ช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 6,165 ล้านดอลลาร์
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ย.2566 ขยายตัวต่อเนื่องมาจากตลาดส่งออกสำคัญของไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากภาวะเงินเฟ้อสูงเริ่มชะลอลง และมีแนวโน้มกลับสู่ระดับเป้าหมายในปี 2567
รวมทั้งหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณการจบวงรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคปรับตัวสูงขึ้น การส่งออกรายสินค้าในภาพรวมขยายตัวทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดสินค้าเกษตรที่ขยายตัวมากกว่าหมวดอื่น ๆ
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 4.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น 7.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้น 1.7% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร ผักกระป๋องและผักแปรรูป ผักสดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง กุ้งต้มสุกแช่เย็น ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง น้ำตาลทราย ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์
สินค้าเกษตร11เดือนหดตัว
ทั้งนี้ 11 เดือนของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลดลง 0.5% สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 3.4% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ทั้งนี้ 11 เดือนของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ลดลง 1.5%
ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญ หลายตลาดเพิ่มขึ้นตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่บางตลาดยังคงมีความไม่แน่นอน ท่ามกลางภาวการณ์ชะลอตัวของภาคการผลิตโลก ดังนี้
ตลาดหลัก เพิ่มขึ้น 4.7% จากตลาดสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.5% ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 4.3% และอาเซียน (5 ประเทศ) เพิ่มขึ้น 12.9% ในขณะที่จีน สหภาพยุโรป (27 ประเทศ) และ CLMV ลดลง 3.9% , 5.0% และ 7.6% ตามลำดับ
ตลาดรอง เพิ่มขึ้น 4.1% โดยเอเชียใต้ เพิ่มขึ้น 5.0% ทวีปออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 10.9% และรัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่มขึ้น 88.4% ส่วนตะวันออกกลาง ลดลง 4.5% แอฟริกา ลดลง 1.4% ลาตินอเมริกา ลดลง 4.2% และสหราชอาณาจักร ลดลง 15.0% และตลาดอื่นๆ เพิ่ม ขึ้น 63.1% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 77.9%
ส่งออกจีนติดลบในรอบ4เดือน
ส่วนกรณีที่การส่งออกไปตลาดจีนกลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนนั้น เป็นเพราะสิ้นสุดช่วงฤดูกาลส่งออกผลไม้ของไทย ซึ่งที่ผ่านมาการส่งออกผลไม้ไทยไปตลาดจีนมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ และเมื่อจบฤดูกาลส่งออกจึงทำให้มูลค่าการส่งออกโดยรวมไปตลาดจีนลดลง
“หากเทียบการส่งออกเดือน พ.ย.2566 ของไทยกับประเทศในภูมิภาคจะเห็นว่ายอดส่งออก 11 เดือนของไทย ติดลบต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกในภูมิภาคเดียวกัน"
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในเดือน ธ.ค.2566 ซึ่งเป็นการส่งออกใน 1 เดือนสุดท้ายของปี 2566 โดยคาดว่าแนวโน้มจะยังทำได้ดี และมีโอกาสที่การส่งออกทั้งปีจะลบน้อยกว่า 1.5%
รวมทั้งเมื่อดูสถิติเดือน ธ.ค.ย้อนหลัง 5 ปี พบว่าส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านดอลลาร์ และถ้าได้ระดับนี้จะติดลบ 1% บวกลบ แต่ถ้าได้ 23,000 ล้านดอลลาร์ จะติดลบ 0.8% และหากได้ 25,654 ล้านดอลลาร์ การส่งออกทั้งปีจะขยายตัว 0%
ปมทะเลกระทบส่งออก ม.ค.
สำหรับปัญหาการส่งออกผ่านทางทะเลแดง ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อการส่งออก เพราะมีการส่งออกสินค้าไปแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. -พ.ย.2566 แต่ถ้าจะมีผลกระทบจะอยู่ในเดือน ม.ค.2567 ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปและถ้าไม่ยืดเยื้อก็จะไม่มีผลกระทบ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้นัดประชุมร่วมกับสายการเดินเรือ ในวันที่ 26 ธ.ค.2566 เพื่อติดตามสถานการณ์และขอความร่วมมือพิจารณาเรื่องการปรับราคาอย่างเป็นธรรม เพราะหากจำเป็นต้องขึ้นขอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยผู้ส่งออกเข้าใจสถานการณ์อยู่แล้ว แต่บริหารจัดการได้ ก็ขอให้ช่วยบริหารจัดการให้เหมาะสม
ตั้งเป้าส่งออกปีหน้าขยายตัว 2%
ส่วนเป้าหมายการส่งออกปี 2567 เบื้องต้นได้กำหนดไว้ที่ประมาณ 2% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่เงินเฟ้อชะลอลงกลับสู่เป้าหมาย โดยวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะยุติลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว พร้อมกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนที่กลับมา
รวมทั้งจาการหารือร่วมกับภาคเอกชน และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกแล้ว แต่ตัวเลขเป้าหมายจริง ต้องรอผลการส่งออกเดือน ธ.ค.2566 ก่อน และจากนั้นจะประเมินปัจจัยภายใน ภายนอก และดูว่าเป้าหมายควรจะเป็นเท่าไร
สรท.มั่นใจส่งออกจีนฟื้นตัว
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ยอดการส่งออกไปจีนในเดือน พ.ย.2566 ใกล้เคียงกับเดือน ต.ค.2566 แม้จะติดลบเป็นแรกในรอบ 4 เดือน และเมื่อดูดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (PMI) ของจีนในปัจจุบันยังรักษาระดับไว้ได้ดี ซึ่งมีแนวโน้มที่จีนจะต้องเร่งการผลิตในเดือน ม.ค.2567 เนื่องจากเดือน ก.พ.จะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าการส่งออกไทยไปจีนจะหดตัวต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ภาคการผลิตของจีนเริ่มฟื้นตัวแล้ว
ขณะที่ความขัดแย้งในทะเลแดงยังไม่ผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเนื่องจากผู้ส่งออกได้มีการส่งสินค้าไปยังผู้นำเข้าแล้วเมื่อช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2566 ซึ่งผู้นำเข้าบางรายก็ได้รับสินค้าแล้ว ส่วนการส่งออกเดือน ธ.ค.2566 จะส่งออกไม่มากและหากส่งออกเดือน ธ.ค.นี้ ทำให้มูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนได้ 23,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งปีจะติดลบไม่เกิน 1.5% จะเป็นมูลค่าการส่งออกที่ สรท.คาดไว้







