สันนิบาตสหกรณ์ เด้งรับนโยบายแก้หนี้ หนุนลดดอกเบี้ย เพดานไม่เกิน 4.75 %

สันนิบาตสหกรณ์ เด้งรับนโยบายแก้หนี้ หนุนลดดอกเบี้ย เพดานไม่เกิน 4.75 %

สันนิบาตสหกรณ์ สนับสนุนนโยบายแก้หนี้ พร้อมผลักดันลดดอกเบี้ย กำหนดเพดานไม่เกิน 4.75 %สามารถขยายงวดส่ง ได้ถึง อายุ 75 ปี

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุมประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สันนิบาตสหกรณ์พร้อมนับสนุนนโยบายภาครัฐ ยินดีช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาหนี้ ลดดอกเบี้ย กำหนดอัตราเงินปันผลในเพดานที่เหมาะสม ลดดอกเบี้ยเพื่อให้สมาชิกสหกรณ์สามารถดำรงชีพได้ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เห็นชอบดำเนินงานของสหกรณ์ รวมถึงระเบียบการหักเงินชำระหนี้และเงินคงเหลือ ประกอบด้วย

1. ให้ทุกส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ดำเนินการออกระเบียบ ให้การหักเงินเดือนทั้งเพื่อชำระหนี้และค่าใช้จ่ายอื่นใด ต้องมีเงินคงเหลือเพื่อการดำรงชีพ ไม่น้อยกว่า 30% ในแนวทางเดียวกับประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ

2.ให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับแก้ไขหนี้สินภาคประชาชนรายย่อย ประสานงานให้เจ้าหนี้เงินกู้เพื่อสวัสดิการแก่ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ทั้งที่เป็นสถาบันการเงิน และสหกรณ์ออมทรัพย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ต่ำ จากการที่รัฐบาล และรัฐวิสาหกิจทำหน้าที่ประสานงานดูแลให้มีการชำระหนี้

3. ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ประสาน สั่งการให้สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ให้เงินกู้สวัสดิการ ร่วมมือกับ  ในการดำเนินการให้ “ทุกสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้สวัสดิการ” สามารถดำเนินการ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการฯ ที่เหมาะสม กำหนดค่างวดเงินต้นให้เหมาะสม และการใช้ทุนเรือนหุ้นของลูกหนี้้เพื่อทุเลาภาระหนี้เงินกู้สวัสดิการ ลงตามความจำเป็น

 

ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หารือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ แล้วเห็นชอบให้กำหนดเพดานดอกเบี้ย ที่ไม่เกิน 4.75% โดย กรมส่งเสริมสหกรณ์จะออกประกาศ แจ้งให้สหกรณ์ออมทรัพย์ ที่ให้เงินกู้สวัสดิการฯ ทราบ เรื่องเพดาน อัตราดอกเบี้ย 4.75% และการกำหนดจำนวนงวดรายเดือนที่สามารถขยายได้ถึง อายุ 75 ปี

รวมทั้ง (หากมีความจำเป็น) สหกรณ์สามารถ จัดเงินกู้พิเศษที่อิงเงินทุนเรือนหุ้นของสมาชิกผู้กู้ ในเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ย และการชำระค่าดอกเบี้ย ที่เท่ากับ การจ่ายปันผล

 ทั้งนี้นายกิติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะประสานกับธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารออมสิน เพื่อขอความร่วมมือคิดดอกเบี้ย อัตราไม่เกินเพดาน 4.75% ต่อ ปี และการกำหนดจำนวนงวดผ่อนชำระคืน ด้วย