สรท.หวั่นทะเลแดงเดือด ค่าระวางเรือพุ่งฉุดส่งออกปี 67

สรท.หวั่นทะเลแดงเดือด  ค่าระวางเรือพุ่งฉุดส่งออกปี 67

สรท.จับตาสถานการณ์โจรสลัดฮูตีโจมตีเรือพาณิชย์ขนส่งผ่านทะเลแดง เผยไทยส่งสินค้าผ่านช่องทางนี้ไปยุโรป 8% หากยืดเยื้อเกิน 1 อาทิตย์ ดันค่าระวางเรือขึ้น กระทบส่งออกไทยปี 2567 เรือขนส่งทยอยทอดสมอในทะเลแดง อ้อมแหลมกู๊ดโฮปเพิ่มเวลา 7-14 วัน

ทะเลแดงเชื่อมกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโดยคลองสุเอซ ถือเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสั้นที่สุดระหว่างยุโรปกับเอเชีย การขนส่งสินค้าราว 12% ของโลกผ่านเส้นทางคลองสุเอซ ซึ่งกำลังมีปัญหากลุ่มฮูตีในเยเมนโจมตีเรือขนส่งสินค้าพาณิชย์ที่แล่นผ่านทะเลแดง

ขณะนี้บริษัทขนส่งขนาดใหญ่ทั้งฮาแพค-ลอยด์, เอ็มเอสซีและเมอส์ก, บริษัทน้ำมันบีพีและบริษัทขนส่งน้ำมันฟรอนท์ไลน์ ประกาศเลี่ยงเส้นทางทะเลแดง หันไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาแทน แต่เรือหลายลำยังใช้เส้นทางเดิมโดยมีการ์ดติดอาวุธบนเรือ

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สรท.ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยหลังจากที่บริษัทขนส่งทางทะเลรายใหญ่ของโลกเลี่ยงเดินเรือในเส้นทางคลองสุเอซ พบว่ายังมีเรือขนส่งทางทะเลเดินเรือในเส้นทางผ่านเข้า-ออก เส้นทางนี้อยู่บ้าง 

สำหรับทะเลแดงเป็นน่านน้ำที่คับคั่งไปด้วยเรือพาณิชย์ที่ลัดเลาะผ่านคลองสุเอซในการขนส่งสินค้าระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปเพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ร่นระยะเวลาเดินทางที่จะไปอ้อมเส้นทางแหลมกู๊ดโฮป ซึ่งเชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย 10-15 วัน และลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง โดยเฉพาะค่าระวางเรือที่แพงขึ้น 1,500 ดอลลาร์ต่อตู้ ปัจจุบันมีการเดินเรือในเส้นทางนี้ 100-120 ลำต่อวัน ทั้งเรือบรรทุกสินค้าและเรือบรรทุกน้ำมัน

"ต้องจับตาสถานการณ์ใกล้ชิดว่าจะยืดเยื้อรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากไม่ยุติเร็วจะกระทบการค้า การขนส่งวงกว้าง โดยเฉพาะการขนส่งน้ำมัน ทั้งนี้ไทยส่งออกสินค้าไปยุโรป 8% ของการส่งออกทั้งหมด สินค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหาร ยางล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนผลกระทบทางอ้อม คือ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกหากสถานการณ์รุนแรงและยืดเยื้อ"

สำหรับอัตราค่าระวางเรือเส้นทางยุโรปและเอเชีย ขณะนี้ยังไม่ปรับราคาและอยูที่ 1,000-1,200 ดอลลาร์ต่อตู้ แต่สถานการณ์ทำให้มีแนวโน้มปรับขึ้นค่าระวางเรือได้ เหมือนกรณีเรือบรรทุกสินค้า Ever Given ขวางคลองสุเอซ ซึ่งจะปรับขึ้นเท่าใดต้องพิจารณา 2 ประเด็น  คือ 1.ค่าความเสี่ยงด้านสงคราม 2.การเดินเรือที่ล่าช้าลงได้ บวกกับหากราคาน้ำมันสูงขึ้นจะยิ่งทำให้ปรับค่าระวางเรือสูงขึ้นอีก 

มีแนวโน้มสัญญาณของการปรับค่าระวางเรือเพราะสถานการณ์อาจยืดเยื้อ โดยหากเกิน 1 อาทิตย์ขึ้นไปถือว่ายืดเยื้อ ซึ่งสถานการณ์นี้ถือเป็นปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี 2566" 

ทั้งนี้สถานการณ์ยังไม่กระทบการส่งออกของไทย เพราะสินค้าไทยที่ส่งมอบในปี 2566 ได้ส่งออกไปเกือบหมดแล้ว แต่ปี 2567 ถ้ารุนแรงยืดเยื้อกระทบส่งออกไทยแน่นอน เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ของการส่งออกไทยไปยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อไทยแต่กระทบไปทั่วโลก

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร (KKP)มองว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ และการส่งออกสินค้า หรือการขนส่งผ่านทะเลแดง ถือเป็นช่องทางส่งออก เพียงช่องทางเดียวที่มีผลกระทบ แต่ช่องทางอื่นๆยังสามารถขน และส่งออกสินค้าได้ตามปกติ ดังนั้นประเมินผลกระทบอาจมีในวงจำกัด และการเข้ามาควบคุมดูแลของสหรัฐ จะทำให้สถานการณ์อาจคลี่คลายเร็วขึ้น

“ปัจจัยกระทบ ที่ส่งผ่านมา คือต้นทุนขนส่ง ต้นทุนสินค้าที่อาจเพิ่มขึ้น แต่คงไม่ได้กระทบต่อเงินเฟ้อที่รุนแรง เพราะโชคดีที่เวลานี้เงินเฟ้อลดลง และราคาน้ำมันไม่ได้สูง ทำให้มองว่าผลกระทบน่าจะมีช่วงสั้นๆ และจะเข้าสู่ภาระปกติในไม่ช้า”

หวั่นสถานการณ์ลามสู่จุดอื่น

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน เริ่มลดความรุนแรงลง หลังสหรัฐ และประเทศพันธมิตรมีการเข้าไปควบคุมสถานการณ์ แต่สิ่งที่กังวลคือ ผลกระทบครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่จะลามไปสู่จุดอื่นๆ หรือขยายวงหรือไม่ ที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ธุรกิจ และกระทบต่อซัพพลายเชน ที่อาจนำไปสู่การขนส่งสินค้าและส่งออกยากมากขึ้น

ดังนั้น ในเบื้องต้นมองผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ คือการขยับของราคาน้ำมันในช่วงสั้นๆ แต่ยังมองว่าจะไม่เกิน100ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจโลกอยู่ในโหมดชะลอตัว ทำให้อุปสงค์โลกอาจไม่ได้เพิ่มมากนัก ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดรั้งให้ราคาน้ำมันไม่ได้ปรับเพิ่มมากนัก

“ที่ห่วงคือ ผลกระทบจากทะเลแดงครั้งนี้ จะลามไปสู่จุดอื่นๆหรือไม่ การโจมตีอาจไม่เฉพาะจุดนี้ อาจลามไปสู่หลายจุดได้ ดังนั้นชัดเจน ว่าปีหน้าเราจะต้องเผชิญกับปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอิสราแอล รัสเซีย ตะวันออกกลาง ที่อาจมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันตามมา”

เรือขนส่งทอดสมอในทะเลแดง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงสร้างความปั่นป่วนให้การค้าโลกหลังยุคโควิด-19 และกระตุ้นให้กองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐต้องลาดตระเวนน่านน้ำใกล้เยเมน

ข้อมูลจากแอลเอสอีจี ผู้ให้บริการข้อมูลและเทคโนโลยีทางการเงินและการจัดการความเสี่ยงระดับโลก เผยว่า เรือบรรทุกสินค้าอย่างน้อย 11 ลำที่แล่นผ่านคลองสุเอซและกำลังเข้าใกล้เยเมน บรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภคและธัญพืชมุ่งหน้าสู่หลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตอนนี้กำลังทอดสมอในทะเลแดงระหว่างซูดานกับซาอุดีอาระเบีย

เรือเอ็มเอสซี 4 ลำในทะเลแดงปิดเครื่องรับส่งสัญญาณตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. เป็นไปได้ว่าหลีกเลี่ยงการตรวจจับส่วนเรือบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) สามลำปรับเปลี่ยนเส้นทางไม่ให้ผ่านเยเมน

นายอิโออันนิส ปาปาดิมิทริโอ นักวิเคราะห์อาวุโสบริษัทวอร์เท็กซา เผยว่า เมื่อเข้าสู่แนวชายฝั่งเยเมน กองเรือพยายามปกปิดที่ตั้งโดยการปักหมุดว่าอยู่ที่อื่นแทน เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ในน่านน้ำบางจุดเรือส่วนใหญ่ใช้วิธีปิดเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ

ทั้งนี้ กลุ่มฮูตีที่อิหร่านหนุนหลังประกาศสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อมในฉนวนกาซา ฮูตีเข้าสู่ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาสด้วยการโจมตีเรือบนเส้นทางเดินเรือสำคัญ รวมถึงยิงโดรนและขีปนาวุธไปยังอิสราเอล ที่ห่างจากกรุงซานากว่า 1,600 กิโลเมตรเมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ฮูตีโจมตีเรือสินค้าสองลำทางตอนใต้ของทะเลแดง

อ้อมแหลมกู๊ดโฮปเพิ่มเวลา7-14วัน

สำหรับผลกระทบต่อการค้าโลก แหล่งข่าววงในเผยว่า ขึ้นกับวิกฤติจะยืดเยื้อแค่ไหน แต่ค่าประกันภัยที่สูงขึ้นและเส้นทางที่ไกลขึ้นกลายเป็นภาระขึ้นมาทันที เช่น ราคาเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ที่แล่นจากตะวันออกกลางผ่านคลองสุเอซเข้ายุโรปเพิ่มขึ้น 25% ในหนึ่งสัปดาห์

ด้านโกลด์แมนแซคส์ประเมินเมื่อวันจันทร์ว่า การขนส่งพลังงานที่สะดุดลงในทะเลแดงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบและแอลเอ็นจีมากนัก เนื่องจากเรือเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นได้

การเปลี่ยนเส้นทางขนส่งน้ำมัน 7 ล้านบาร์เรลต่อวันของปริมาณน้ำมันรวม (ขนส่งขึ้นเหนือล่องใต้) จะทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล” โกลด์แมนแซคส์กล่าว

ผู้ซื้อชาวเอเชียรายหนึ่ง ซึ่งซื้อแนฟทา ปิโตรเคมีนำเข้าจากยุโรป กล่าวว่า เรือของตนยังคงใช้เส้นทางทะเลแดง เพราะเส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปใช้เวลาอีก 7-14 วัน

ตัวแทนบริษัทขนส่งเผยว่า เจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันจำนวนหนึ่งเพิ่มวลีใหม่ลงในสัญญาให้รวมทางเลือกแหลมกู๊ดโฮปไว้ด้วย เพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน

แหล่งข่าววงในรายหนึ่งในไช่เหนี่ยว บริษัทโลจิสติกส์ในเครืออาลีบาบา กล่าวว่า เวลาขนส่งสินค้าและค่าธรรมเนียมอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนเส้นทางในภาพรวมส่งผลกระทบต่อธุรกิจไม่มาก