ครม.เลิกมติปี 35 เปิดทาง ‘วงษ์สยาม’ บริหารท่อน้ำตะวันออก แทน ‘อีสท์ วอเตอร์’

ครม.เลิกมติปี 35 เปิดทาง ‘วงษ์สยาม’ บริหารท่อน้ำตะวันออก แทน ‘อีสท์ วอเตอร์’

"ครม."เคาะเลิกมติบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกปี 35 ที่เคยมีคำสั่งให้ "อีสท์ วอเตอร์" บริหารรายเดียว เปิดทางให้ "วงษ์สยาม" เข้ามาทำสัญญากับ "กรมธนารักษ์" ได้โดยไม่ขัดมติ ครม. ชี้ช่วยการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกมีความต่อเนื่อง ไม่กระทบประชาชน และอุตสาหกรรม

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมาเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ

ทั้งนี้กระกระทรวงเกษตรฯเสนอ ครม.ว่ามติ ครม.เดิมเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 นั้นได้กำหนดว่าระบบท่อส่งน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และ การดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานและขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่างๆ โดยขอให้มีผู้รับผิดชอบเพิ่มเติมซึ่งเป็นเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมธนารักษ์เพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก

ซึ่งผลจากมติ ครม.ที่เห็นชอบในครั้งนี้ทำให้การบริหารจัดการท่อส่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกที่แต่เดิมอยู่ในความดูแลของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ “อีสท์วอเตอร์” ซึ่งจะหมดอายุสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค.2566 มาอยู่ในการบริหารของบริษัทที่ชนะการประมูลคือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด โดยปริมาณน้ำที่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะได้รับการจัดสรรตามเงื่อนไขสัญญา ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำในแต่ละปีและเงื่อนไขที่กรมชลประทานกำหนดเพื่อประโยชน์ สูงสุดของทางราชการ

กรณีที่ต้องมีการสูบผันน้ำจากแหล่งน้ำดิบอื่นมาเพิ่มเติม เพื่อส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าว ทั้งนี้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

แหล่งข่าวกล่าวด้วยวกระทรวงเกษตรฯได้เสนอต่อ ครม.ว่าความเร่งด่วนของเรื่องนี้เนื่องจาก สัญญาเช่า/บริหารทรัพย์สินเพื่อดำเนินการพัฒนาและบริหารระบบท่อส่งน้ำดิบสายหลักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกระหว่างกรมธนารักษ์ กับ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) จะครบกำหนดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และกรมธนารักษ์ได้ลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับบริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด แล้ว

 

ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ จึงมีความจำเป็นต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2535 เรื่อง แนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างจำกัด ซึ่งเป็นเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมธนารักษ์เพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เป็นผู้มีสิทธิประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ในการซื้อน้ำจากแหล่งน้ำดิบของราชการมาขายให้กับผู้ต้องการใช้น้ำเพิ่มเติมอีกรายหนึ่งได้ โดยไม่ขัดกับมติ ครม.เดิม และทำให้กรมธนารักษ์สามารถลงนามกับบริษัทวงษ์สยามได้โดยไม่ขัดข้อกฎหมาย

“การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างเต็มประสิทธิภาพเสริมสร้างความมั่นคงด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้น้ำตลอดจนสามารถให้บริการผู้ต้องการใช้น้ำในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกอย่างเพียงพอไม่เกิดการสะดุด โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการอุปโภค บริโภคของประชาชน รวมถึงหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง” แหล่งข่าว ระบุ