"เศรษฐา" รับหนักใจภาวะ"เศรษฐกิจ" ต้องแบกรับความหวังคนไทย 68 ล้านคน

"เศรษฐา" รับหนักใจภาวะ"เศรษฐกิจ" ต้องแบกรับความหวังคนไทย 68 ล้านคน

"เศรษฐา" เปิดใจก่อนบินประชุมที่ญี่ปุ่น รับเรื่องเศรษฐกิจหนักใจ แม้เริ่มเห็นแสงสว่าง แต่เป็นนายกฯ-รัฐบาลต้องแบกรับความหวัง - ปากท้องคนไทย 68 ล้านคน

วันนี้ (14 ธันวาคม 2566) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6)

โดยในตอนหนึ่งนายกรัฐมนตรีตอบคำถามถึงความคาดหวัง ในการเดินทางครั้งนี้ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ลงทุนสูงสุดในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา จึงจะมีการพูดคุยเพื่อให้การค้าการลงทุนเข้มแข็งมากขึ้น และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทั้งสองประเทศสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งทางการและค้าการลงทุน

รวมทั้งการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งแรก จึงมีเรื่องต้องพูดคุยกับหลายภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็ทรอนิกส์ โดยในส่วนของบริษัทยานยนต์จะหารือและสนับสนุนให้มีการลงทุนเพิ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งยานยนต์อีวี ส่วนบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่จะพบเช่น บริษัท Panasonic ส่วนการพูดคุยกับนักธุรกิจในส่วนของการพูดคุยกับนักธุรกิจรายใหญ่อีกหลายราย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้เกิดความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจ และมีแสงสว่างมากขึ้นใช่หรือไม่

นายกรัฐมนตรีตอบว่าแสงสว่างก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องความหนักใจ การแบกความหวังเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน 68 ล้านคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำต่อไป คงจะไม่เพียงพอ ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ซึ่งจะมีเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นด้วย ในส่วนของไทยมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นมาลงทุนสูงสุดในประเทศไทยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา

"เราพยายามทำให้ความสัมพันธ์นี้เข้มแข็งมากขึ้นในเรื่องการลงทุนของทั้งสองฝ่าย และเราได้มีการประกาศจะให้วีซ่าฟรีกับธุรกิจญี่ปุ่นด้วยที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าออกทั้งสองทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น เป็นการอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน"