’เศรษฐา’ จับตาหนี้บัตรเครดิต 6.7 หมื่นล้าน หวั่น 1.1 ล้านบัญชีผิดชำระหนี้

’เศรษฐา’ จับตาหนี้บัตรเครดิต 6.7 หมื่นล้าน  หวั่น 1.1 ล้านบัญชีผิดชำระหนี้

รัฐบาลจับตาหนี้บัตรเครดิต 1.1 ล้านใบ มูลหนี้ 6.7 หมื่นล้านบาท เสี่ยงผิดชำระหนี้ เชิญชวนลูกหนี้กลุ่มนี้เข้าโครงการคลินิกแก้หนี้เสียดอกเบี้ย 3-5% ยืดหนี้ได้สูงสุด 10 ปี

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในระหว่างการแถลงจัดการหนี้นอกระบบที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ (12 ธ.ค.66) ว่าปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยมีมูลค่า 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของจีดีพี ในขณะที่กลุ่มคนที่มีปัญหาแล้ว 5 ล้านคน คิดเป็น 12 ล้านบัญชี

ส่วนกรณีของการเป็นหนี้บัตรเครดิตนั้น มีผู้ถือบัตรอยู่ 23.8 ล้านใบ มูลหนี้ 540,000 ล้านบาท  มีหนี้บัตรเครดิตที่น่าเป็นห่วง และต้องจับตาเป็นพิเศษจำนวน 1.1 ล้านใบ  คิดเป็นหนี้น่าเป็นห่วง 67,000 ล้านบาท

ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาบัตรเครดิต  จะปรับโครงสร้างหนี้ผ่านคลินิกแก้หนี้  ด้วยการเปิดให้ผ่อนนาน 10 ปี  ดอกเบี้ยจาก16-25% ลงเหลือ 3-5%นั้น 

โดยผู้ถือบัตรเครดิตทุกคน มีสิทธิ เข้าร่วมโครงการนี้ แต่คนที่เป็นหนี้ และชำระหนี้ตามปกติก็ไม่ควรเข้าเพราะ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอยู่แล้ว แต่หากไม่ไหวจริงๆ สามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ ธนาคารเจ้าของบัตร จะเป็นผู้พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยให้

เมื่อถามว่ากรณีที่คิดอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตที่ยังสูงกว่า 15% จะปรับลดลงได้หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าหนี้ปกติชำระได้ตามงวดตามปกติเลยครับ ไม่เสียดอกเบี้ยเลยคือ ครบกำหนดชำระได้ทั้งหมดไม่เสียดอกเบี้ยเลย แต่ถ้าชำระได้ไม่หมด และชำระบางส่วนก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากขึ้น ในกฎหมายอัตราดอกเบี้ย 15% นั้น เป็นกลุ่มที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แต่กลุ่มที่ออกบัตรเครดิตนั้นเป็นสถาบันการเงินที่มีค่าบริการ ค่าใช้จ่ายต่างๆ  ท่านก็จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า 15% ได้บ้าง

ซี่งตอนนี้มีมาตรการควบคุมไม่ให้ดอกเบี้ยสูงเกินไปอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มที่ไม่สามารถชำระได้หรือเป็นหนี้เสียนั้น สามารถเข้าร่วมเครดิตแก้หนี้ได้เช่นกัน

ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล  หากเป็นหนี้เสีย ก็จะสามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ร่วมกับเจ้าหนี้บัตรเครดิตรายใหญ่เกือบทั้งหมด ช่วยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ โดยนำเงินต้นคงค้าง มาทำตารางผ่อนชำระใหม่ให้ยาวถึง 10 ปี และลดดอกเบี้ยจาก 16-25% เหลือเพียง 3-5% เท่านั้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์