'ธงทอง' ลุยแก้กฎหมายธุรกิจ 4 ด้าน แก้อุปสรรคธุรกิจ รายงานตรงนายกฯทุก 60 วัน

'ธงทอง' ลุยแก้กฎหมายธุรกิจ 4 ด้าน แก้อุปสรรคธุรกิจ รายงานตรงนายกฯทุก 60 วัน

“ธงทอง” ลุยแก้กฎหมายธุรกิจ 4 ด้าน เสริมขีดความสามารถแข่งขันไทย แก้อุปสรรคธุรกิจ ทั้งด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ซุปเปอร์ไลซ์เซ่น ทำ 3 ใบอนุญาตนำร่อง การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผลักดันพลังงานสะอาด คลอดคณะทำงาน รายงานตรงนายกฯใน 60 วัน

นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้น เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุด ได้รายงานนายกฯ ว่าได้กำหนดประเด็นสำคัญ 4 ด้านในการปรับปรุงกฎหมายระยะแรก ซึ่งเป็นประเด็นที่ตอบโจทย์ตามนโยบายรัฐบาล การสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยมีคณะอนุกรรมการ 4 คณะรับผิดชอบในแต่ละประเด็น และได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยขอให้รายงานความคืบหน้าทุกรอบ 60วัน และหากมีอุปสรรคขัดข้องอย่างไร ให้รายงานนายกรัฐมนตรีสั่งการด้วย

ประกอบด้วย1. ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ในบริบทที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตทำงาน การรายงานตัว รวมทั้งการยกเว้นใช้แบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม.6)

ให้ครอบคลุมถึงพาหนะทางบกและทางเรือ การดำเนินการที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือการเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรและการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ เป็นประธานอนุกรรมการ

2. ด้านการพัฒนาระบบการอนุญาตหลัก (Super License) เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขอรับอนุญาตในประเภทธุรกิจที่มีความสนใจในการลงทุนประกอบธุรกิจแต่มีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ให้สามารถใช้ใบอนุญาตหลักเพียงใบเดียวประกอบธุรกิจได้ โดยจะเร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ การประกอบกิจการร้านอาหาร การประกอบธุรกิจที่พักขนาดเล็ก ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับเศรษฐกิจชุมชนด้วย และการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีน.ส.เพียงพนอ บุญกล่ำ เป็นประธานอนุกรรมการ

3. ด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้าเพื่อลดข้อจำกัดและระยะเวลาของผู้ประกอบการ เช่น การลดการเปิดตรวจสินค้าถ่ายลำ (Transhipment) ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงกฎหมายศุลกากรและกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประเภทของสินค้านั้น และการขออนุญาตนำสินค้าเข้า-ออก

เพื่อการแสดงสินค้าและนิทรรศการ (MICE) โดยจะช่วยดึงดูดให้มีการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านประเทศไทยจำนวนมากขึ้น โดยมีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นประธานอนุกรรมการ

4. ด้านการผลักดันพลังงานสะอาด (Clean Energy) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน โดยจะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนพลังงานชาติ และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก โดยมีนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา เป็นประธานอนุกรรมการ

อย่างไรก็ตาม ขอใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดและสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะบอกได้ว่าจะแก้ไขประเด็นใดบ้างและใช้ระยะเวลาเท่าใด เมื่อเห็นว่าทำอะไรได้บ้างจึงจะมีการกำหนดระยะเวลาทำงานอย่างชัดเจน แต่โดยหลักแล้วบางเรื่องสามารถแก้ไขได้โดยฝ่ายบริหารด้วยการออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี แก้ไขกฎกระทรวง ส่วนกรณีที่ต้องยกร่างกฏหมายใหม่ทั้งฉบับอาจต้องใช้เวลา ซึ่งจะแจ้งความชัดเจนต่อไป