คลังพร้อม 'ยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า-ลดภาษีเครื่องดื่ม' หนุนท่องเที่ยวไทย

คลังพร้อม 'ยกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า-ลดภาษีเครื่องดื่ม' หนุนท่องเที่ยวไทย

คลังพร้อมยกเลิก “ดิวตี้ฟรีขาเข้า-ปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่ม” หวังดึงดูดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

นายลวรณ  แสงสนิท  ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ตนได้เรียกกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตเข้าหารือถึงมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.นี้ เพื่อสรุปเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด

โดยในส่วนของกรมศุลกากรนั้น จะพิจารณาออกประกาศการยกเลิกการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า(ดิวตี้ฟรี)ทุกสนามบิน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อสินค้าในประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ในฐานะผู้ให้เช่าพื้นที่และบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ในฐานะผู้เช่าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนกรมสรรพสามิต จะต้องไปดำเนินการปรับโครงสร้างภาษีสินค้าให้สอดคล้อง เบื้องต้นจะพิจารณาเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องดื่ม เพื่อให้ราคาเครื่องดื่มในประเทศจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยจับจ่ายซื้อสินค้าเครื่องดื่มในประเทศได้มากขึ้น

“เมื่อเรายกเลิกดิวตี้ฟรีขาเข้า นักท่องเที่ยวก็จะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยสินค้าในประเทศแทน และเมื่อเราพิจารณาลดภาษีเครื่องดื่ม ก็จะจูงใจให้นักท่องเที่ยวซื้อเครื่องดื่มตามร้านค้าในประเทศ ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจด้วย ขณะเดียวกัน เมื่อโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มเป็นอัตราที่เหมาะสม คนไทยก็จะได้ซื้อสินค้าเครื่องดื่มในราคาที่เหมาะสมด้วย”

เขากล่าวด้วยว่า การปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่ม ต้องออกเป็นกฎหมาย ซึ่งกระทรวงการคลัง ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)​เห็นชอบ ส่วนการยกเลิกร้านดิวตี้ฟรี ขาเข้า กรมศุลกากร ต้องออกระเบียบเพื่อยกเลิก ให้เกิดความชัดเจน โดยมาตรการดังกล่าว จะเสนอครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง โดยมาตรการดังกล่าว เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคัก ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อคิดจะเที่ยว ให้คิดถึงประเทศไทยด้วย

นอกจากนั้น กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการภาษีส่งเสริมสินค้าที่ถือเป็น Soft power ของไทย  ซึ่งขณะนี้มีหลายอุตสาหกรรมภายในประเทศได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.นี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้จากการใช้จ่ายในประเทศและจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ สถานบันเทิง โรงแรมที่พัก ผู้ให้บริการขนส่ง สายการบิน เป็นต้น ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้ในระยะเวลาอันสั้น และสร้างงานให้กับประชาชนได้เพิ่มขึ้น