‘นภินทร’ ร่วมประชุมความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เชื่อมเศรษฐกิจข้ามพรมแดน

‘นภินทร’ ร่วมประชุมความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เชื่อมเศรษฐกิจข้ามพรมแดน

‘นภินทร’ เยือนนครฉงชิ่ง 22-24 พ.ย.นี้ ถกความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ทั้งการเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน และสังคม เน้นพัฒนาเศรษฐกิจข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ด้านไทย ดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลนครฉงชิ่ง ศูนย์กลางการขนส่งสินค้า

นายนภินทร ศรีสรรพางศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนเตรียมเข้าร่วมการประชุม 2023 Sichuan-Chongqing Region & Mekong Countries Sub-National Cooperation Forum ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ย.นี้ ณ มหานครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมชูแนวคิด “หล่อเลี้ยงด้วยแม่น้ำสายเดียวกัน ร่วมสร้างเส้นทางสู่ความเจริญรุ่งเรือง” ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจข้ามพรมแดนระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง

การประชุมครั้งนี้ รัฐบาลนครฉงชิ่งและรัฐบาลมณฑลเสฉวน ได้เชิญผู้แทนระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดของประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา และจีน เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกัน ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทย เมื่อปี 2555 โดยมีความร่วมมือครอบคลุม 3 เสาหลัก ได้แก่ การเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน และสังคม โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก

นอกจากนี้ ไทยจะใช้โอกาสนี้ผลักดันให้มีการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลนครฉงชิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า (logistic hub) จากภูมิภาคตะวันตกของจีนไปยังยุโรป ผ่านเส้นทางรถไฟฉงชิ่ง-ซินเจียง-ยุโรป หรือเรียกว่า “หยูซินโอว” เชื่อมโยงระเบียงการค้าระหว่างประเทศทางบกและทางทะเลแห่งใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) ผ่านนครฉงชิ่ง รวมถึงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟนครฉงชิ่งกับเส้นทางรถไฟจีน-ลาว เพื่อขยายการค้าและการลงทุนของไทยในภูมิภาคอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2566) การค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่า 1.11 แสนล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออก มูลค่า 46.39 หมื่นล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้า มูลค่า 64.38 หมื่นล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ