นายกฯเผยส่งกฤษฎีกาตีความแล้วแผนกู้แจกเงินดิจิทัล จีดีพีQ3ตกเหตุต้องกู้

นายกฯเผยส่งกฤษฎีกาตีความแล้วแผนกู้แจกเงินดิจิทัล จีดีพีQ3ตกเหตุต้องกู้

นายกฯเผยส่งกฤษฎีกาตีความแล้วแผนกู้แจกเงินดิจิทัล ชี้จีดีพีไทยโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน 2-3 เท่า ล่าสุด Q3 หล่นมาอีก 0.5% บ่งบอกเศรษฐกิจต้องได้รับการกระตุ้น ระบุ มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเข้าครม.เร็วสุดสัปดาห์หน้า ส่วนแผนแก้หนี้นอก-ในระบบจะแถลง 28 พ.ย. และ 12 ธ.ค.นี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ส่งเรื่องแผนการออก พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อนำมาใช้จ่ายในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลยังคงยืนยันถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายดังกล่าว เนื่องจาก เศรษฐกิจมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการกระตุ้น สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสามปีนี้ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยขยายตัวได้เพียง 1.5%เท่านั้น

“เรื่องที่มีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินนั้น ถ้าดูคร่าวๆ ไม่ใช่อย่างที่พูด ในส่วนที่อยากให้แจกก็มีนะ เป็นการสะท้อนความคิดเห็น ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในมือกฤฎีกาแล้ว วันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาเติบโตแค่ 1.5% ขณะที่ คู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านต่ำสุด คือ มาเลเซียโต 3.3% อินโดนีเซีย เวียดนาม คู่แข่งที่จะแย่งแหล่งทุนเราก็โต 5% กว่า ถือว่า โตกว่าไทย 2-3 เท่า ฉะนั้น ก็เป็นเรื่องการตีความว่า วิกฤต หรือ จำเป็นหรือเปล่า ส่วนรัฐบาลนี้ เห็นว่า เป็นเรื่องจำเป็น”

ทั้งนี้ เขากล่าวภายหลังเข้าทำงานที่กระทรวงการคลังเป็นครั้งที่สามหลังจากได้รับตำแหน่ง พร้อมระบุว่า การทำงานวันนี้ ได้หารือเรื่องสภาพเศรษฐกิจกับนายปิติ ตัณฑเกษม กรรมการและประธานธนาคารเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทีเอ็มบีธนชาต จำกัด(มหาชน) นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)

จากนั้น ได้หารือผู้บริหารกระทรวงการคลังถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆทั้งมาตรการด้านการท่องเที่ยวที่จะเข้าครม.ในหนึ่งถึงสองสัปดาห์หน้า มาตรการภาษีระยะยาวที่ยังค้างอยู่ และ มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ทั้งนี้ สำหรับมาตรการภาษีระยะยาวนั้น ยังไม่ตอบในรายละเอียด

เขาระบุด้วยว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสามที่หายไปจากที่คาดการณ์ราว 0.5% เราก็ตกใจ ทางเลขาสภาพัฒน์ก็บอกว่า นึกว่า จะเห็นการเติบโตในระดับเลขสอง ฉะนั้น จีดีพีที่ลดลงไม่ได้พลาดแค่จุดหนึ่ง หรือ จุดสอง แต่หายไป จุดห้าเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้น ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเร่งด่วนหรือจำเป็นหรือเปล่า เป็นการยืนยันว่า สิ่งที่เราคิดนั้น เป็นจริง

ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลแถลงถึงการเดินหน้านโยบายดังกล่าวแล้ว เราก็จะทำหน้าที่ในการรวบรวมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และ ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ต้องทำต่อ

สำหรับมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนนั้น เขากล่าวว่า เป็นเรื่องใหญ่ที่ได้หารือวันนี้ เพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวม ซึ่งเราแบ่งเป็นสองส่วน คือ หนี้ในระบบ และ หนี้นอกระบบ โดยหนี้นอกระบบนั้น ตนจะแถลงรายละเอียดในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ ส่วนหนี้ในระบบก็เป็นหนี้ส่วนใหญ่ ก็คุยกับทีมงานทั้งหมด จะแถลงในเวลา 14.00 น.ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้

ส่วนกรณีที่มีการแสดงความเห็นต่อการดำเนินนโยบายรัฐบาลต่างๆที่อาจมีความไม่เห็นด้วย ทำให้นายกรัฐมนตรีเสียสมาธิในการทำงานหรือไม่ เขากล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นตำแหน่งที่ความรับผิดชอบสูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องดูแลแก้ไขปัญหา ไม่มีสิทธิ์เสียสมาธิ เสียกำลังใจ คงเป็นข้ออ้างไม่ได้ที่ไม่ทำงาน ฉะนั้น วันนี้ ก็ทำงานอย่างเดียว