‘นภินทร’ พบรัฐมนตรีการค้าเปรู เจรจาตกลงการค้าดันศักยภาพของไทย

‘นภินทร’ พบรัฐมนตรีการค้าเปรู เจรจาตกลงการค้าดันศักยภาพของไทย

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยวของเปรู พร้อมดันผู้ประกอบการศักยภาพของไทยยกทัพลงทุนในเปรู โดยเฉพาะในสาขาการแปรรูปอาหาร เพื่อใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของสินค้าเกษตรเปรู

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พบหารือกับนายฮวน คาร์ลอส แมทธิว ซาลาซาร์ (Mr. Juan Carlos Mathews Salazar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยวของเปรู ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 34  โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะสานต่อการเจรจาเขตการค้าเสรี ไทย-เปรู (Thailand-Peru Closer Economic Partnership : TPCEP) ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะครอบคลุมการเปิดตลาดการค้าสินค้าส่วนที่เหลืออยู่อีก 30 % ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด และการเปิดเสรีภาคบริการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลไทยปัจจุบันที่ต้องการผลักดันและขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จาก FTA ในกรอบต่าง ๆ ที่ไทยเป็นภาคีอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับภาคเอกชนไทยในการเข้าสู่ตลาดของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกำหนดเป้าหมายให้มีการบรรลุผลเจรจาภายในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความพยายามและเร่งผลักดันให้เกิดผลลัพธ์การเจรจาที่เป็นรูปธรรม และสร้างแต้มต่อให้กับเอกชนของทั้งสองฝ่ายได้ 

ในการหารือครั้งนี้ ไทยและเปรูยังได้หารือแนวทางการเสริมสร้างการลงทุนระหว่างกัน โดยที่เปรูเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสชาติและคุณสมบัติที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ เช่น องุ่นสด อะโวคาโด และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่สามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในด้านการแปรรูปอาหารเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าในเปรู ซึ่งหากการเดินหน้าสานต่อการเจรจา TPCEP เป็นไปอย่างราบรื่นและสำเร็จได้ ก็จะยิ่งช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยอีกมากในอนาคต 

ปัจจุบัน เปรูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 58 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา รองจากบราซิล อาร์เจนตินา และชิลี ตามลำดับ โดยในปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยและเปรูมีมูลค่าการค้ารวม  361.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ร้อยละ 7.75 โดยไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่า 203.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และนำเข้ามูลค่า 158.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เขตการค้าเสรี ไทย-เปรู (TPCEP) ภายใต้ข้อตกลงเร่งรัดการเปิดตลาดกันก่อน (Early Harvest Scheme: EHS) ในปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) มีสัดส่วนการส่งออกที่ใช้สิทธิประโยชน์ฯ  ต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับประโยชน์ฯ มากเป็นอันดับ 1 จากความตกลงการค้าเสรีของไทยกับประเทศคู่ค้าทั้งหมดที่ 112.44  % ในขณะที่สัดส่วนการนำเข้าที่ใช้สิทธิประโยชน์ฯ ต่อมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ได้รับประโยชน์ฯ มากเป็นอันดับ 1 เช่นกัน ที่ 95.87 %โดยสินค้าสำคัญที่ส่งออกภายใต้สิทธิประโยชน์ TPCEP ได้แก่ ด้ายผสมกับฝ้าย ถุงยางคุมกำเนิด โพลิเอทิลีน ถุงมือใช้ในทางศัลยกรรม และเครื่องรับวิทยุกระจายเสียง ในขณะที่สินค้าสำคัญที่นำเข้าภายใต้สิทธิประโยชน์ ได้แก่ องุ่นสดหรือแห้ง แครนเบอร์รี่ บิลเบอร์รี่ อะโวคาโด เป็นต้น