'ปั๊ม' ปฏิเสธการขายมีโทษจำ7 ปี เร่งตามผลลดราคากลุ่มเบนซิน

'ปั๊ม' ปฏิเสธการขายมีโทษจำ7 ปี เร่งตามผลลดราคากลุ่มเบนซิน

“ผู้ค้าน้ำมัน” ปฏิเสธการขายมีโทษจำคุก 7 ปี "กรมธุรกิจพลังงาน" เร่งติดตามผลการลดราคากลุ่มเบนซิน คาด 7 วัน สรุปปริมาณการใช้น้ำมัน

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากมาตรการช่วยค่าพลังงานกับประชาชนถ้วนหน้า ภายใต้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2566 เช่นปรับลดราคาสรรพสามิตลง 0.15-1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม ทำให้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามามาก ว่า เกิดสินค้าน้ำมันหมดในหลายปั๊มทั่วประเทศ จึงเป็นประเด็นคำถามกับผู้ใช้น้ำมัน ว่าเกิดจากหมดจริง หรือหมดเพราะเกิดการกักตุนสินค้าอย่างไรก็ตาม เท่าที่กระทรวงพลังงานได้ตรวจสอบไปยังสถานีบริการหลายแห่งมีผู้ใช้จำนวนมากมาเติมน้ำมัน ทำให้น้ำมันหมดจริง และหลายแห่งติดป้ายน้ำมันหมดตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้มีข้อสงสัยว่าอาจเป็นพฤติกรรมการกักตุนน้ำมัน เฉพาะแค่บางชนิดที่ลดราคาเยอะ อย่างน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ลดสูงสุดลิตรละ 2.50 บาท

“กระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการเข้าตรวจสอบหลายสถานีที่มีเรื่องร้องเรียน เพราะประชาชนผู้ใช้น้ำมันได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย”

ทั้งนี้ สามารถแจ้งปัญหาต่าง ๆ มาที่กรมธุรกิจพลังงานหรือ กองตรวจราชการ กระทรวงพลังงาน เพื่อเข้าไปตรวจสอบปั๊มที่เกิดเหตุ โดยแจ้งรายละเอียดชื่อสถานีบริการ และสถานที่ตั้ง เพื่อประสานกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่มีกฎหมายเฉพาะดูแล ซึ่งผู้ประกอบการที่ปฏิเสธการจำหน่ายในขณะที่น้ำมันยังมีในสต๊อก จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

“การปรับลดราคาน้ำมันแบบนี้เป็นการชดเชยจากภาครัฐ ไม่ได้กระทบกำไรในส่วนผู้ประกอบการ จะนำมากล่าวอ้างปฏิเสธการจำหน่ายไม่ได้”

นายพงศ์พล กล่าวว่า  ที่ผ่านมายังมีผู้ใช้น้ำมันจำนวนมาก มีความสับสนในตัวเลขราคาขายปลีก ที่จะเกิดขึ้น ตนจึงขอรวบรวมมติที่ประชุมทางคณะกรรมการบริหารน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566 ที่ได้ทำการสรุปราคาขายปลีก ลดราคาน้ำมันเบนซินแต่ละชนิดดังนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน ULG 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงประมาณ 1 บาท/ลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ลดลงประมาณ 80 สตางค์/ลิตร โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ E85 มีการใช้เงินกองทุนน้ำมันชดเชยเพิ่มให้เหมาะสม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2566 ถึง 31 ม.ค. 2567

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถประมาณการณ์ได้ว่าสัดส่วนการใช้น้ำมันเบนซินแต่ละกลุ่มจะเป็นอย่างไร ซึ่งการปรับลดราคาครั้งนี้ถือเป็นนโยบายระยะสั้นอยู่ที่ 3 เดือน (7 พ.ย. 2566 ถึง 31 ม.ค. 2567) จึงขอเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ภายหลังการปรับลดราคาถึงจะประเมิณสัดส่วนที่ชัดเจนได้

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังมองว่า ผู้ใช้บริการบางกลุ่มที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของความเร็วก็อาจจะหันมาเติมน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 บ้าง ซึ่งปริมาณจะเพิ่มขึ้นแน่นอน และส่งผลให้น้ำมันเบนซินชนิดอื่นจะลดลง ซึ่งจะเป็นกลุ่มผู้ใช้เดียวกัน และอยู่ที่ว่าจะเลือกราคาหรือไม่ ซึ่งบางคนอาจจะยึดติดกับน้ำมันชนิดเดิม ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของรถในแต่ละรุ่น จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบชนิดของน้ำมันที่ระบุไว้ที่ฝารถของตนเองก่อนการเติมน้ำมัน

สำหรับปัญหาสงครามในอิสราเอล ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ธพ. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยหารือกับผู้ค้าน้ำมัน เพื่อประเมินสถานการณ์ เบื้องต้น หากสถานการณ์ไม่รุนแรงหรือขยายวงกว้างมาก ราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยจะอยู่ที่ 90-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่หากสถานการณ์รุนแรงมาก คาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะทะลุ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในแง่ของการนำเข้าพลังงานของไทยโดยเฉพาะน้ำมันดิบจากการหารือผู้ค้าล่าสุดยังคงอยู่ในภาวะปกติ