ยางพาราไทยสูงกว่าเพื่อนบ้านกิโลกรัมละ 10บาท จูงใจลักลอบนำเข้า

ยางพาราเถื่อน คือปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ เพราะในอดีตเพื่อนบ้านไม่เคยปลูกยางพารา แต่ 10 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มปลูก ขณะไม่มีโรงงานรองรับ ไทยที่มีอุตสาหกรรมครบวงจร อีกทั้งระยะทางการขนส่งสะดวก ระดับราคาที่สูงกว่า จึงจูงใจให้เกิดการลักลอบนำเข้า
ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจภาคใต้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ยางพารานิยมปลูกในแถบภาคใต้เท่านั้น ด้วยเพราะมีสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวย แต่จากการปรับปรุงพันธุ์ การพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ยางพาราสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุดในบรรดาสินค้าเกษตรที่ไม่ใช่อาหาร
โดยไทยเป็นประเทศปลูกยางพารามากเป็นอันดับ2 รองจากอินโดนีเซีย แต่ส่งออกเป็นอันดับ1 ของโลกประมาณปีละ 3.9 ล้านตัน ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้การนำเข้าหรือส่งออกซึ่งต้นยาง ดอก เมล็ด หรือตาของต้นยาง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นยางที่อาจใช้เพาะพันธุ์ได้ การนำยางเข้าใน ผ่าน หรือออกจากเขตควบคุมการขนย้ายยาง การขยายพันธุ์ต้นยางเพื่อการค้า จะต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้น
ในขณะที่รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศผ่านกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ตั้งแต่การปลูก จนถึงการแปรรูป อย่างครบวงจร มีหน่วยงานรับผิดชอบชัดเจนคือการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)รวมไปถึงการอุดหนุนเกษตรกรผ่านรูปแบบต่างๆ ในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำเพื่อยกระดับชีวิตเกษตรกรให้มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคายางของไทย สูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น
รายได้จากการปลูกยางพาราเป็นกอบเป็นกำ ประกอบกับแนวโน้มการใช้ยางของโลกยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเริ่มปลูกยางพารามากขึ้น ทั้งใน สปป.ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ซึ่งเป็นการเข้าไปลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เช่น ไทย จีน เป็นต้น ทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมาไทยมีปัญหาเรื่องการลักลอบส่งออกกล้ายาง
แต่ปัจจุบันปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ การลักลอบนำเข้ายางเถื่อน จากประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาถูกกว่า อีกทั้งเพื่อนบ้านเองยังไม่มีอุตสาหกรรมขั้นปลาย เพื่อรองรับผลผลิตยางพาราอย่างครบวงจร ผู้ประกอบการยังตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานใหญ่ๆ อยู่ในประเทศไทย
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผลผลิตยางพาราเหล่านั้นจะไหลเข้ามาในประเทศไทย เป็นเหตุผลที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า นี่คือบ่อนทำลายเป็นตัวการที่ทำให้ราคายางในประเทศตกต่ำ และประกาศทำสงครามกับการนำเข้ายางเถื่อนดังกล่าว
ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบเส้นทางการลักลอบนำเข้ายางพรา ลงพื้นที่เข้าตรวจสถานประกอบการผู้รับใบอนุญาตค้ายาง ทะเบียนร้านค้า การทำบัญชีผู้รับซื้อยางพารา
พร้อมชี้แจงพื้นที่ทราบเกี่ยวกับโทษในการรับซื้อยางพาราที่ผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงภาษี และกำกับควบคุมสถาบันเกษตรกรฯ ไม่ให้รับซื้อยางที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงตั้งจุดสกัด โดยหลังจากนี้จะร่วมเข้าตรวจสต็อกยาง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ควบคุมยาง พ.ศ.2542 ภายใต้ความรับผิดชอบหลักของกรมวิชาการเกษตร
โดยมีพนักงานของ กยท. ได้รับการแต่งตั้งเพิ่มเติม ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2560 ทั้งนี้ กยท. เตรียมจัดสรรงบประมาณจากกองทุนเพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินการควบคุมปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนมอบหมายให้ กยท.จังหวัด และ กยท. สาขา ที่อยู่ในพื้นที่เขตพรมแดน ดำเนินการสำรวจการผลิตยางธรรมชาติของเกษตรกร
ทั้งปริมาณ รูปแบบของผลผลิตยางที่ขาย จำแนกเป็นน้ำยางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นดิบ และนำมาประมวลผลเพื่อทำข้อมูลห่วงโซ่อุปทานการผลิตยางธรรมชาติในประเทศ (เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ) ช่วยให้ทราบว่าปริมาณยางที่ขายในตลาดหรือพื้นที่นั้นๆ มียางเถื่อนปนอยู่ด้วยหรือไม่ และตั้งเป้าหมายสำรวจให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นำข้อมูลมาคำนวณ และจัดทำสมดุลยางพารา และเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นได้
นอกจากนี้ กยท.ยังได้หารือร่วมกับ Dr. Htein Lynn, Deputy Director General และผู้แทนจากองค์การส่งเสริมการค้า กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ในประเด็นการลักลอบขนยางพาราผิดกฎหมายเข้ามาฝั่งไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ กำลังเร่งจัดการปราบปรามและป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น ในส่วนของประเทศเมียนมาเองมีกฎหมาย และระเบียบในการส่งออกยางพาราอยู่แล้ว
แต่พบว่ายังมีการลักลอบขนยางไปจำหน่ายในจีน อินเดีย รวมถึงประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นยางแผ่นดิบ เนื่องจากราคายางในไทยสูงกว่าราคารับซื้อยางในประเทศเมียนมาประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม







