“กฤษฎา”สั่งออมสินเซ็ทเมนูลดหนี้ ชี้เป็นช่องทางช่วยลดหนี้ครัวเรือน

“กฤษฎา”สั่งออมสินเซ็ทเมนูลดหนี้ ชี้เป็นช่องทางช่วยลดหนี้ครัวเรือน

“กฤษฎา”สั่งออมสินเซ็ทเมนูลดหนี้ ชี้เป็นช่องทางช่วยลดหนี้ครัวเรือน เผยคลังมีเป้าหมายที่ต้องการลดภาระหนี้ครัวเรือนของประเทศลงสู่ระดับ 80%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังระบุ หนึ่งในมาตรการจูงใจ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียในหนี้ครัวเรือนของไทย คือ การตัดลดมูลหนี้ให้กับลูกหนี้ที่พร้อมจะแก้ไขปัญหาหนี้ของตนเอง

เขากล่าวว่า  การตัดลดภาระหนี้บางส่วนใหญ่กับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียกับธนาคารโดยเฉพาะกับสถาบันการเงินของรัฐ จะเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย เพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถออกจากแบล็กลิสต์ของเครดิตบูโร และสามารถดำเนินชีวิตได้ต่อไป

เขากล่าวว่า ได้สั่งการให้ ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐ เป็นผู้รับผิดชอบดูแลโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของรัฐบาล ด้วยการจัดตั้ง AMC เพื่อมาบริหารหนี้เสียในภาคครัวเรือน ซึ่งจะนำหนี้เสียที่อยู่ในสถาบันการเงินของรัฐ ให้มาอยู่ภายใต้การบริหารของ AMC แห่งนี้ และในอนาคตหากธนาคารพาณิชย์เอกชน ต้องการนำหนี้เสียของตนเองมาให้ AMC แห่งนี้บริหารก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ ตนได้สั่งให้ธนาคารออมสินไปเซ็ทเมนูในการปรับโครงสร้างหนี้ของหนี้ภาคครัวเรือน โดยอาจมีเมนูไม่กี่เมนู เพื่อให้สะดวกแก่การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งการลดหนี้และการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของเมนูปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าว

เขากล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยในหนี้ครัวเรือนเป็นมูลหนี้ราว 15-16 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 90 % ของจีดีพี ซึ่งในภาระหนี้ครัวเรือนดังกล่าว ส่วนที่เป็นหนี้เสียมีราว 10 %  ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง มีเป้าหมายที่ต้องการลดภาระหนี้ครัวเรือนของประเทศลงสู่ระดับ 80% 

เขากล่าวอีกว่า  การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของหนี้ภาคครัวเรือน น่าจะเป็นผลดีต่อสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เนื่องจากหนี้ที่เป็นหนี้เสียเหล่านั้น ทางสถาบันการเงินได้สำรองเต็ม 100 % ไปแล้ว ดังนั้นหากสามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้เหล่านั้นและได้รับการชำระหนี้กลับคืนมาเท่าไหร่ ก็จะเป็นกำไรของสถาบันการเงินเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าทางธนาคารพาณิชย์เอกชน น่าจะให้ความร่วมมือในโครงการนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันการเงินของเอกชน ไม่ได้ให้ priority กับหนี้รายเล็กรายน้อยเหล่านั้น ทำให้ภาระหนี้เหล่านั้นค้างอยู่ในระบบ ไม่ได้ถูกนำมาปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยเร็ว

ในวันเดียวกัน นายกฤษฎา ยังได้เป็นประธานมอบรางวัลการแก่องค์กรหรือหน่วยงานที่ส่งเสริมการออมของ กอช. โดยเน้นให้ กอช.เร่งนำแรงงานนอกระบบที่มีอยู่ 18 ล้านคน ที่ยังไม่มีระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุ เข้าสู่ระบบ การออมเพื่อการเกษียณของ กอช.

ทั้งนี้ แรงงานนอกระบบทั้ง 18 ล้านคนดังกล่าว ในจำนวนนี้ มี 10 ล้านคนที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 40 ซึ่งมีระบบการออมที่ได้รับบำเหน็จ (เงินก้อน)  ที่เหลืออีก 8 ล้านคน ไม่ได้อยู่ในระบบการออมเพื่อการเกษียณใดๆเลย ซึ่ง ได้มอบหมายให้ กอช.เร่งนำแรงงานทั้ง 8 ล้านคนเข้าระบบ โดยมีเป้าหมายในปี 2567ว่าอย่างน้อย 5-6 ล้านคนจาก 8 ล้านคน จะต้องเข้าระบบกอช.