'เศรษฐา'นั่งประธานบอร์ดอีวีชุดใหม่ ถกนัดแรกคลอดมาตรการอุดหนุน 'อีวี3.5'

'เศรษฐา'นั่งประธานบอร์ดอีวีชุดใหม่ ถกนัดแรกคลอดมาตรการอุดหนุน 'อีวี3.5'

“เศรษฐา” จ่อเรียกประชุมบอร์ดอีวีสัปดาห์หน้า หลังตั้งกรรมการชุดใหม่ เร่งนโยบาย EV 3.5 สร้างความมั่นใจนักลงทุน – สนับสนุนผู้ใช้รถอีวีต่อเนื่อง นายกฯลงนามตั้งบอร์ดอีวีชุดใหม่ ส่วนผสมรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ เอกชน ชื่อซีอี SCBX นั่งเป็นกรรมการเคลื่อนนโยบายอีวี

แผนส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ "อีวี" ที่เริ่มเห็นผลเป็นจำนวนรถยนต์อีวีบนท้องถนนมากขึ้น เป็นแนวทางเบื้องต้นที่จะวางรากฐานอุตสาหกรรมอีวีของประเทศให้เป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาคซึ่งจะนำมาทั้งการจ้างงาน เทคโนโลยีชั้นสูงและรายได้ชุดใหม่เข้าประเทศ 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ“บอร์ดอีวี” ชุดใหม่แล้ว คาดว่าจะมีการประชุมโดยเร็วภายในสัปดาห์หน้า 

โดยวาระเร่งด่วนที่ต้องเอาเข้าสู่การพิจารณาคือเรื่อง “มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า 3.5 “EV Subsidy Package (EV 3.5)” หรือ “มาตรการอีวี 3.5” ซึ่งจะต้องมาใช้แทนมาตรการอีวี 3.0 ที่จะหมดอายุในปี2566 โดยหากรัฐบาลสามารถผลักดันมาตรการอีวี 3.5 ออกมาได้โดยเร็วและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นทั้งนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมอีวีในไทย รวมทั้งช่วยสนับสนุนตลาดรถอีวีในประเทศด้วย

คาดแพ็คเกจอีวี3.5ลดเงินอุดหนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับมาตรการอีวี 3.5 จะมีการปรับลดเงินสนับนสนุนอีวี ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และกระบะ จาก 70,000 – 150,000 บาท ในชุดมาตรการอีวี 3.0 เหลือ 50,000 – 100,000 บาท และยกเลิกเงินสนับสนุนในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ อัตราส่วนของรถยนต์ที่ต้องผลิตภายในประเทศเพื่อชดเชยกับจำนวนรถยนต์ที่นำเข้าทั้งคัน ยังเพิ่มขึ้นจาก 1 – 1.5 เท่า อาจเพิ่มเป็น 2 – 3 เท่าเพื่อสนับสนุนการผลิตรถอีวีในประเทศ

โดยคาดว่าในปี 2567 จะยังมีค่ายรถยนต์อีกหลายรายที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากหน่วยงานรัฐบาลไทย เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในด้านการผลิตและการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการผลิตออกจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ และประเทศใกล้เคียง

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชุดใหม่ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพร้อมคณะกรรมการอีก 17 ราย โดยองค์ประกอบได้แก่ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีกรรมการได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ

\'เศรษฐา\'นั่งประธานบอร์ดอีวีชุดใหม่ ถกนัดแรกคลอดมาตรการอุดหนุน \'อีวี3.5\'

นายแบงค์-เพื่อนนายกฯเป็นกรรมการ 

ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย  นายกุลิศ สมบัติศิริ ,นายศุภนิจ จัยวัฒน์ ,นายอาทิตย์ นันทวิทยา  เป็นกรรมการ

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นกรรมการ ผู้ช่วยเลขานุการ และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ

\'เศรษฐา\'นั่งประธานบอร์ดอีวีชุดใหม่ ถกนัดแรกคลอดมาตรการอุดหนุน \'อีวี3.5\'

“การตั้งบอร์ดอีวีชุดใหม่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไปจากในรัฐบาลชุดก่อน โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการเอง เนื่องจากต้องการส่งเสริมนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างจริงจัง และถือว่าเป็นบอร์ดด้านเศรษฐกิจคณะหนึ่งในจำนวนไม่กี่คณะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเอง ซึ่งในรัฐบาลที่ผ่านมาสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้แต่งตั้งรองนายกฯ เป็นประธานบอร์ดอีวี โดยมอบหมายให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน” รายงานข่าวระบุ

นายกฯนั่งประธานเคลื่อนงานจริงจัง

นอกจากนี้ในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอีวี ชุดใหม่นี้ได้มีการเปลี่ยนตำแหน่งเลขานุการของบอร์ดจากเดิมที่เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทำหน้าที่เลขานุการ โดยโดยบีโอไอเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงและมีการโรดโชว์เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย โดยที่ผ่านมามีบริษัทชั้นนำที่ผลิตรถอีวีเข้ามาลงทุนในไทยแล้วหลายเจ้า ปัจจุบันบีโอไอมีนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เป็นเลขาธิการ ที่ผ่านมาได้เดินทางไปต่างประเทศกับนายกรัฐมนตรีทั้งที่สหรัฐและที่จีนและได้มีการร่วมหารือกับผู้บริหารรถอีวีชั้นนำของโลก เช่น เทสลา และฉางอาน เป็นต้น

ส่วนรายชื่อบอร์ดรายอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น นายอาทิตย์ นันทวิทยา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอสซีบี เอกซ์ จำกัด นายศุภนิจ จัยวัฒน์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท อาโนส์ กรุ๊ป 2020 เป็นเพื่อนสนิทกับนายเศรษฐา ที่ผ่านมาได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี รวมทั้งนายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา

รองโฆษกรัฐบาลชี้นายกฯหนุนรถอีวีจริงจัง 

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการที่  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 286/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีการปรับรายชื่อ มีเลขาฯ บอร์ดคนใหม่ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รวมถึงการนั่งเป็นประธานกรรมการของนายกรัฐมนตรี นั้นถือเป็นหมุดหมายที่ดีของการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถ EV ของโลก และยังสะท้อนถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก

รองโฆษกฯ รัดเกล้าฯ กล่าวว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าวมีหน้าที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในด้านต่างๆ ช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า เพื่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศ และส่งเสริมการจ้างงานในอุตสาหกรรมสีเขียว รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน  

\'เศรษฐา\'นั่งประธานบอร์ดอีวีชุดใหม่ ถกนัดแรกคลอดมาตรการอุดหนุน \'อีวี3.5\'

“จากคำสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ EV เดินหน้าผลักดันและดำเนินมาตรการและนโยบายเรื่องรถ EV อย่างจริงจัง รวมถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ที่ได้นำคณะหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร BOI นักธุรกิจไทย เดินสายเชิญชวนเอกชนมาลงทุน สร้างโอกาสจับคู่นักธุรกิจ (Business Matching) โดยไทยนั้นมีทั้งศักยภาพและความพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดการผลิตก่อตั้งห่วงโซ่การผลิตที่ไทย โดยเป็นผลงานที่ส่งต่อมาจากรัฐบาลที่แล้วด้วย และรัฐบาลนี้พร้อมสานต่อ สนับสนุนให้เกิดการผลิตอย่างเป็นรูปธรรม  ทั้งนี้คาดว่าจะมีการประชุมครั้งแรกในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เพื่อเร่งพิจารณาและติดตามความคืบหน้ามาตราและนโยบายต่างๆ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากนานาประเทศ ที่กำลังสนใจเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างเป็นรูปธรรมและโดยเร็ว” นางรัดเกล้าฯ กล่าว