“เศรษฐา” ดัน “แลนด์บริดจ์” เพิ่มขีดแข่งขันไทย มั่นใจแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้

“เศรษฐา” ดัน “แลนด์บริดจ์” เพิ่มขีดแข่งขันไทย มั่นใจแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้

“เศรษฐา” ดัน “แลนด์บริดจ์” โครงการใหญ่พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย มั่นใจรัฐบาลนี้เดินหน้าได้แล้วเสร็จ เสริมศักยภาพเศรษฐกิจไทย เป็นศูนย์กลางการลงทุน – คมนาคมขนส่ง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในงานดินเนอร์ทอล์ค หัวข้อ “Thailand’s Future อนาคตประเทศไทย 2024” จัดโดยเครือเนชั่น วันนี้ (24 ต.ค.) ตอนหนึ่งว่าในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลไม่ได้ทำแค่ในระยะสั้น โดยรัฐบาลคำนึงถึงการลงทุนในระยะยาวรัฐบาลต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ หรือโครงการ “แลนด์บริดจ์”  นั้นเป็นโครงการสำคัญที่รัฐบาลนี้สานต่อและต้องการทำให้ก้าวหน้าประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยตนเองได้นำโครงการนี้ไปโรดโชว์ในการเดินทางไปจีนและซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามโครงการนี้มีความละเอียดอ่อนมาก โดยโครงการนี้อยู่ภายใต้เรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ทั้งสหรัฐฯและจีนที่เป็นมหาอำนาจ โดยสิ่งสำคัญคือเราต้องให้ประเทศไทยเป็นคนดูแลโครงการนี้ ส่วนรูปแบบการร่วมทุน การบริหารงานของเอกชนเราต้องดูความสมดุลให้ดี
 

รวมทั้งการเลือกว่าจะทำเรื่องของท่อส่งน้ำมัน และโรงกลั่นน้ำมันจะต้องมีการดึงประเทศจากตะวันออกกลางเข้ามาถ่วงดุลในโครงการนี้หรือไม่ซึ่งเราต้องพิจารณาด้วยเพราะการขนส่งน้ำมันประมาณ 60% ของโลกนั้นผ่านการขนส่งในเส้นทางช่องแคบมะละกา  

 

ทั้งนี้ในการที่ตนเองเดินทางไปยังจีนเห็นว่าในมุมมองของจีนไทยเป็นทางผ่าน แต่เราเป็นได้มากกว่านั้น เราต้องทำให้จีนมองเราในเรื่องนี้ว่าเรามีข้อได้เปรียบในหลายๆประเทศ และเมื่อเราไปคุยกับบริษัทหัวรถจักรจีน เรามีโครงการที่จะลงทุนในเรื่องของหัวรถจักรไฟฟ้า และโรงงานจากจีนสามารถที่จะขยายการลงทุน เป็นโรงงานแห่งที่ 2 มายังไทยโดยตั้งในแลนด์บริดจ์แล้วส่งออกไปยังประเทศต่างๆไปทุกภูมิภาค ซึ่งต้องให้เขามองเราเป็นศูนย์กลางของการขยายการลงทุนในภูมิภาค  

สำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้าสิ่งที่จะเห็นในรัฐบาลนี้คือการสร้างเส้นทางเชื่อมโยงรถไฟจากประเทศไทยผ่าน สปป.ลาวไปยังจีน โดยรถไฟที่จะไปจากประเทศไทยจะเป็นรถไฟไฟฟ้า เชื่อมจากหนองคายเชื่อมไปยังจีน ซึ่งการเชื่อมโครงการไปยังโครงการ One Belt one Road ของจีนด้วย

“เศรษฐา” ดัน “แลนด์บริดจ์” เพิ่มขีดแข่งขันไทย มั่นใจแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้

“ถ้าหากเรามีแลนด์บริดจ์จะลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าไป 6-9 วัน โดยไม่ใช่การเป็นคู่แข่งกับมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ในอนาคตการขนส่งที่จะผ่านช่องแคบมะละกาจะมีความแออัดมากขึ้น เราก็จะเป็นทางออกในการขนส่งสินค้า รัฐบาลนี้จึงจะลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะเป็นโครงการที่รัฐบาลนี้ทิ้งไว้ และสร้างความสำเร็จให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว” นายเศรษฐา กล่าว