ส่องผลงาน  3 ปี ผอ.อคส.“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”

ส่องผลงาน  3 ปี ผอ.อคส.“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”

3 ปี “เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”ผอ.อคส.สะสางคดีทุจริต คดี1,638 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 5 แสนกว่าล้านบาท เร่งปั้มรายได้เข้าอคส.สลัดภาระขาดทุน โอด สะบักสะบอม เจอทั้งปัญหาภายใน ภายนอก แถมขัดขากันเอง  วัดใจ"ภูมิธรรม” สานต่อหรือเก็บกวาดอคส

นห้วง 3 ปีที่ผ่านมา องค์การคลังสินค้าหรืออคส.เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์  ภายใต้การบริหารงานของ“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต” ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า หรืออคส.ซึ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ก.ย.63 โดยได้ประกาศภารกิจอยู่ 4 ด้านด้วยกัน คือการ ซ่อม สร้าง เพิ่ม และ สะสาง แต่ผ่านมา 3 ปีภารกิจนี้เดินหน้าไปได้น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่เอาเวลาไปสะสางปัญหาต่างๆภายในองค์กร โดยเฉพาะการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่สะสมมายาวนาน อย่างโครงการจำนำข้าวผ่านมาเกือบ 10 ปีก็ยังสะสางไม่เสร็จ เพียงแค่สะสางคดีทุจริตก็ไม่มีเวลาไปทำงานหารายได้เข้าองค์กร

ไล่เลียงคดีสำคัญที่อคส.ต้องทำ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ 1. คดีการทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้าน ทาง ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการพิจารณาสั่งฟ้องโดยสำนักงานอัยการสูงสุด ส่วนคดีละเมิดฯ ได้ทวงถามทางกระทรวงการคลังแล้ว เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่เกิน 6 เดือนจะหมดอายุความ และสำหรับคดีอาญาฟอกเงิน อยู่ระหว่างการประมวลเรื่องโดยใช้สำนวนของ ป.ป.ช. ซึ่งทางสำนักคดีของ อคส. เพื่อแจ้ง ปปง .ผ่าน ดีเอสไอ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยในเดือนนี้

2. คดีจำนำข้าว 280 คดี ผลการพิพากษาในชั้นศาลปกครองกลาง อคส .ชนะ 40 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 2,680 ล้านบาท และ อคส. แพ้คดี 25 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 457 ล้านบาท

3.  คดีมันสำปะหลัง 174 คดี ผลการพิพากษา อคส. ชนะ 91 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 6,791 ล้านบาท และ อคส. แพ้คดี 5 คดี ทุนทรัพย์ที่ต้องจ่าย 62 ล้านบาท

4. คดีข้าวโพด 5 คดี ผลการพิพากษา อคส. ชนะ 2 คดี ทุนทรัพย์ได้มา 253 ล้านบาท

ส่องผลงาน  3 ปี ผอ.อคส.“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต”

5. คดีโครงการรัฐก่อนปี 2551 อยู่ระหว่างการบังคับคดีและพิทักษ์ทรัพย์ และคดีแรงงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่งมี 2 รูปแบบ คือพนักงานถูกไล่ออกจากคำสั่ง ปปท .จึงฟ้อง อคส. และกรณีประเมินผลงานได้ ครึ่งขั้น จึงฟ้อง อคส. ซึ่งจะสร้างค่านิยม “จะทำงานหรือไม่ทำก็ได้ 1 ขั้นทั่วหน้า” ต่อไป ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่งได้มีการบรรจุพนักงานจำนวน 107 อัตรา ส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นจาก 12 ล้านในปี 2562 เป็น 20 ล้านในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 30 ล้าน ภายใน 5 ปีข้างหน้า

นอกเหนือ 5 คดีสำคัญที่อคส.ต้องทำแล้วก็ยังมีคดีอื่นๆอีก เช่น การระบายข้าว การสอบสวนทั้งวินัยและความรับผิดทางละเมิดอีกมากกว่า 250 คณะ  โดยสรุปคดีทั้งหมดมี 1,638 คดี ทุนทรัพย์ความเสียหาย 534,819 ล้านบาท แยกเป็นอคส. ฟ้อง1,378 คดี ทุนทรัพย์ความเสียหาย 526,139 ล้านบาท อคส .ถูกฟ้อง260 คดี ทุนทรัพย์ความเสียหาย 8,680 ล้านบาท

“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต” ผอ.อคส. กล่าวว่า  การทำงานใน 3 ปีที่ผ่านมามีปัญหาความขัดแย้งภายในทุกระดับ นอกจากจะโดนร้องเรียนผ่านหน่วยงานอิสระและคณะกรรมมาธิการต่างๆ ยังมีความพยายามขับไล่ให้พ้นตำแหน่งและเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ผ่านกระบวนการประเมินฯที่ล่าช้าและแสวงหาเหตุให้ได้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ เช่น การตรวจพบการทุจริตถุงมือยางเทียมไม่นับเป็นตัวชี้วัดผลงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินที่ล่าช้าร่วม 30 เดือน จนเป็นเหตุ ให้ถูกอ้างว่า “ผิดสัญญา”  อันอาจมีผลไปถึงการ “เลิกจ้าง”ได้

 

ขณะที่ปัญหาภายนอก ทั้งจากเอกชนคู่กรณีและการชี้แจงผ่านหน่วยงานต่างๆเป็นจำนวนมากซึ่งมีเป็นประจำทุกสัปดาห์โดยเฉพาะการขอให้ “ถอนอุทธรณ์” รวมถึงปัญหาระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกัน เช่น การของบประมาณรายจ่ายเพื่อดำเนินคดีฟ้องร้องต่างๆ ทางสำนักงบประมาณให้ใช้งบปี 2562 และ2563 ให้หมดก่อนจึงไม่ผ่านงบประมาณปี 2564-2566 ให้ แต่กรมบัญชีกลางไม่ขยายเวลาการใช้งบประมาณดังกล่าวแต่ให้ตั้งของบประมาณใหม่ ซึ่งเป็นดุลพินิจที่ย้อนแย้งของหน่วยงานอื่น แต่มีผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของ อคส และอาจสร้างความเสียหายให้แก่รัฐมากกว่า 100,000 ล้าน หากไม่สามารถจัดหาเงินมาใช้จ่ายเพื่อสู้คดี โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลที่ต้องจ่ายหลายร้อยล้านบาทต่อปี เป็นต้น

“3 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ว่าทำเต็มกำลังแล้ว แม้ว่าจะเสียดายที่ 15 เดือนที่ผ่านมาต้องมีสภาพสะบักสะบอมหนีตาย ส่งผลให้งานที่เตรียมการไว้ล่าช้ากว่าแผนไปมาก ในขณะที่เหลือเวลาไม่ถึงปีก็จะพ้นวาระ อยากให้สนับสนุนและช่วยเหลือกันตั้งแต่ระดับพนักงานจนถึงระดับกระทรวงรวมถึงส่วนงานราชการอื่นๆ มากกว่ามานั่งวิจารณ์แล้วไม่ทำอะไร บางครั้งกลายเป็นด้อยค่ากันเอง ทะเลาะกันเอง”นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามแม้ 3 ปีที่ผ่านมาอคส.ยังยุ่งอยู่กับการสะสางคดีเก่าที่ค้างอยู่ แต่ภารกิจหลักในหารายได้ก็ยังดำเนินต่อไปแม้ไม่ได้ตามเป้าหมายแต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ทำให้อคส.สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยผลประกอบการเฉพาะของ อคส. ปี 2565 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 707 ล้านบาท จาก 306 ล้านในปี 2562 และทำให้การขาดทุนจากเดิม  157 ล้าน ในปี 2562  ลดลงเหลือ 80 ล้านในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการลดรายจ่ายและเน้นธุรกิจคลังสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง

โดยปี 2565 อคส.มีรายได้จากคลังสินค้าประมาณ 73 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 25 ปี และหากรวมรายได้จากโครงการอื่น ๆ ทำให้ อคส.มีกำไรขั้นต้นในปี 2565 ถึง 81.5 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 20 ปี ส่วนปี 2566 ประมาณการว่าผลการดำเนินงานจะขาดทุน 70 ล้านบาท และรายได้คลังสินค้าประมาณ 79 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสถิติใหม่ในรอบ 25 ปี อีกครั้ง

เหลือเวลาไม่กี่เดือนที่“เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต” ผอ.อคส.จะหมดวาระ ซึ่งในช่วง 3 ปีต้องยอมรับว่า คดีทุจริตหลายคดีความคืบหน้า บางคดีสิ้นสุดและทวงเงินจากความความเสียหายกลับมาให้อคส.ได้ ในยุคนี้ จึงน่าจะนับได้ว่าเป็น”ผลงาน”ที่น่าพอใจ

คงต้องจับตาหลังจากนี้ภาพของอคส.จะเป็นอย่างไร หลัง“ภูมิธรรม เวชยชัย “รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย จะเข้ามาคุม “อคส.”ด้วยตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าการเข้ามาดูแลในครั้งนี้ไม่ใช่เข้ามาที่จะล้างท่อ แต่เป้าหมายต้องการที่จะทำให้องค์กรมีความโปร่งใส ซึ่งคงต้องพิสูจน์กันต่อไป