AIS ชู ‘อีโคโนมี ซิสเตม’ พัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน

เศรษฐกิจแบ่งปัน (อีโคซิสเตม อีโคโนมี) ที่เอไอเอสพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริงและเป็นรูปธรรมเพื่อให้ไทยหยัดยืนอยู่ได้ในสมรภูมิแข่งขันบนเวทีโลก

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า เศรษฐกิจแบ่งปัน (อีโคซิสเตม อีโคโนมี) ที่เอไอเอสพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริงและเป็นรูปธรรมเพื่อให้ไทยหยัดยืนอยู่ได้ในสมรภูมิแข่งขันบนเวทีโลก ซึ่งในอดีตไทยแข่งไม่ได้เลยกับต่างประเทศ แต่เมื่ออยู่ในโลกดิจิทัลที่ขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยเทคโนโลยี เมื่อเกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล จะช่วยให้โอกาสแข่งขันของไทยทำได้และเป็นจริง

 

ยกตัวอย่าง การใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนมีความสำคัญมาก อย่างในปัจจุบันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ98 ล้านราย คิดเป็นอัตราส่วนต่อจำนวนประชากรที่ 143% และประชาชนคนไทยเองถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้โมบายดาต้ามหาศาล จากเดิม 5-10 กิกะไบต์ต่อเดือน เฉลี่ยขึ้นไป 22 กิกะไบต์ต่อเดือน

“ขณะที่รายได้โอเปอเรเตอร์ต่อเลขหมายต่อเดือนอยู่ที่ 200 กว่าบาท แปลว่าคนไทยไม่เคยปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีเลย แต่เราใช้ในเรื่องความบันเทิงเสียเยอะทำให้การใช้งานให้เกิด productivity เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลยังน้อยอยู่หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน”

ปลุกโมเดล อีโคโนมี ซิสเตม

ส่วนคำว่าอีโคซิสเตม อีโคโนมี นายสมชัย อธิบายเสริมว่า คือเศรษฐกิจแบบร่วมมือกันของทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดผลลัพธ์การพัฒนาไปด้วยกันอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นระบบและลงมือทำจริง จึงจะสร้างต้นแบบอีโคซิสเตม พร้อมส่งต่อสร้างแรงบันดาลใจให้อีกหลายธุรกิจได้

ทั้งนี้ เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจของเอไอเอสที่จะให้ความสำคัญกับ “พาย 3 ชิ้น” ที่มาประกอบกันเป็นอีโคซิสเตมของเอไอเอสและพร้อมที่จะเชื่อมต่อสู่ทุกภาคส่วนเพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ซึ่งได้แก่Digital Intelligence Infrastructure ,Cross Industry Collaboration และHuman Capital & Sustainability

“ปีหน้าภาพรวมของเศรษฐกิจยังไม่ได้ดีขึ้น จากปัจจัยลบเรื่องเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ต้นทุนด้วยพลังงาน และหนี้ครัวเรือน แต่ไทยเรามีดิจิทัลคือตัวความหวัง ไม่ใช่แค่เฉพาะในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแต่ทุกเซ็กเตอร์จะใช้ดิจิทัลเป็นทางรอดในการขับเคลื่อนธุรกิจสิ่งที่เอไอเอสคาดหวังจากภาครัฐและกสทช.คืออยากให้รัฐเป็นซัพพอร์ตเตอร์มากกว่าเรกูเลเตอร์เพียงอย่างเดียว ขอแค่ให้รัฐบาลช่วยเหลือแบบสมเหตุสมผล”