‘BOI’ ถกราชการ - เอกชน รับลูกนโยบายยืดเวลาผลิต ‘รถน้ำมัน’

‘BOI’ ถกราชการ - เอกชน รับลูกนโยบายยืดเวลาผลิต ‘รถน้ำมัน’

“บีโอไอ” รับลูกนโยบาย “เศรษฐา” เตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง – ค่ายรถ หามาตรการดึงดูดรถน้ำมันลงทุนไทยเพิ่ม มั่นใจมาตรการแล้วเสร็จใน 2 เดือน ก่อนนายกฯไปเยือนญี่ปุ่น ธ.ค.นี้ เผยบอร์ดบีโอไอเตรียมตั้งเป็นทางการในสัปดาห์นี้ มีรองฯ “ปานปรีย์” เป็นประธาน ถกนัดแรก 10 ต.ค.

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศว่ารัฐบาลจะมีนโยบายดึงดูดการลงทุนของค่านรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือรถใช้น้ำมันเป็นแห่งท้ายๆของโลก เพื่อช่วยค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ยังปรับตัวไม่ทันไปสู่การเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตว่านายกรัฐมนตรีได้มีการหารือกับมอบหมายเรื่องนี้ให้กับบีโอไอในการไปทำการบ้านต่อไป

‘BOI’ ถกราชการ - เอกชน รับลูกนโยบายยืดเวลาผลิต ‘รถน้ำมัน’

ทั้งนี้บีโอไอได้รับนโยบายดังกล่าวจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องมีการหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมสรรพสามิต รวมทั้งได้เตรียมนัดหารือกับค่ายรถยนต์ทั้งหมด ทั้งค่ายรถยนต์สันดาป ค่ายยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) และค่ายรถยนต์ต่างๆที่มีความสนใจลงทุนในไทย โดยจะมีการหารือและสรุปเป็นนโยบายภายใน 2 เดือน

ซึ่งจะมีความชัดเจนก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในเดือน ธ.ค.นี้ จะต้อมีความชัดเจน ขณะเดียวกันในเร็วๆ นี้

“เรื่องนี้ภาครัฐไม่ได้ทำคนเดียวต้องหารือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ได้นโยบายที่ชัดเจน”

เมื่อถามว่าในเรื่องของการตั้งคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ก็ต้องมีการตั้งขึ้นใหม่ซึ่งขณะนี้ต้องรอว่าในส่วนของนโยบายจะมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนไหนเข้ามาเป็นประธานในเรื่องนี้ ส่วนฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการโดยโครงสร้างแล้วเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะสลับกันเป็นประธาน

ในส่วนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ชุดใหม่จะมีการแต่งตั้งภายในสัปดาห์นี้โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งเมื่อแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เสร็จแล้วจะมีการประชุมในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นการเร่งรัดการประชุมเนื่องจากมีวาระค้างอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนการเดินทางไปโรดโชว์ยังต่างประเทศนั้นบีโอไอจะเดินทางไปพร้อมกับคณะของนายกรัฐมนตรีโดยจะเดินทางไปยังประเทศจีนในวันที่ 17 – 19 ต.ค.นี้ โดยจีนมีอีกหลายบริษัทที่เป็นบริษัทเป้าหมายที่เราต้องการดึงดูดการลงทุนเข้ามายังประเทศไทย จากนั้นจะเดินทางไปสหรัฐฯอีกครั้งในการประชุมเอเปกที่นายกฯจะเดินทางไปในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะมีการหารือกับบริษัทเอกชนสหรัฐฯในการเชิญชวนมาลงทุนไทยเพิ่มเติมด้วย