‘แจกเงินดิจิทัล’ กระตุ้นศก.ล่วงหน้า 3 เดือน ‘เศรษฐา’ หวังเร่งลงทุน-จ้างงาน

‘แจกเงินดิจิทัล’ กระตุ้นศก.ล่วงหน้า 3 เดือน  ‘เศรษฐา’ หวังเร่งลงทุน-จ้างงาน

"เศรษฐา" ชี้แจกเงินดิจิทัล ไตรมาส 1 ปีหน้ารอบเดียว 5.6 แสนล้านบาท คาดเอกชนลงทุน - จ้างงาน ก่อนอย่างน้อย 3 เดือน เหมือนกระตุ้นเศรษฐกิจล่วงหน้า หวังเอกชนทำโปรโมชั่นแข่งกันสร้างอำนาจการซื้อเพิ่มให้ประชาชน เศรษฐกิจคึกคัก ขีดเส้น "จุลพันธ์"รายงานแหล่งที่มาเงินใน10 วัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” ในงานเสวนา Thairath Forum 2023 วันนี้ (18 ก.ย.) ตอนหนึ่งว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในตอนนี้อย่างที่ทราบว่าต้องอาศัยการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะแจกเงินดิจิทัล หรือดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาทซึ่งเป็นนโยบายที่ออกมาเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนจับจ่ายเงินในเศรษฐกิจโดยเป็นการผันเม็ดเงินจากภาครัฐไปสู่มือประชาชนโดยไม่ผ่านตัวกลาง ไม่ต้องกังวลในเรื่องของเงินตกลหล่น หรือว่ามีการทุจริตหักหัวคิว

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องย้ำก็คือเงินจำนวนนี้ขนาดโครงการ 5.6 แสนล้านบาท อาจจะมากหรือน้อยกว่านิดหน่อยตามจำนวนประชากรที่จะเข้าโครงการ เป็นการจ่ายเงินครั้งเดียวไม่ได้ทยอยจ่าย ซึ่งในมุมของภาคเอกชนเมื่อเห็นว่ารัฐบาลจะมีโครงการที่ใหญ่ขนาดนี้ลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็ต้องเร่งการลงทุน การจ้างงาน

“สมมุติว่าตนประกาศว่าจะเริ่มใช้วันที่ 1 ก.พ.นี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเอกชนจะเร่งการลงทุน การจ้างงานล่วงหน้า 3 เดือนเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งเท่ากับว่าการะตุ้นเศรษฐกิจเกิดก่อนล่วงหน้าแล้ว 3 เดือน นอกจากนั้นภาคธุรกิจจะยังสามารถทำโปรโมชั่นแข่งกัน เช่น หากซื้อสินค้าด้วยเงินดิจิทัล อาจมีมูลค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งภาคเอกชนสามารถใช้กลไกในการกระตุ้นการตลาดแบบนี้ได้ก็หวังว่ามูลค่าจากเงินจำนวนที่รัฐบาลลงไปจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อประชาชนใช้จ่าย” นายเศรษ ฐากล่าว

 

‘แจกเงินดิจิทัล’ กระตุ้นศก.ล่วงหน้า 3 เดือน  ‘เศรษฐา’ หวังเร่งลงทุน-จ้างงาน

สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้ได้มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นผู้ดูแล หารือกับทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง มั่นใจว่าเรามีความพร้อมในเรื่องการจัดหาแหล่งเงินมาใช้ในโครงการ

ซึ่งขณะนี้คณะทำงานของนายกจุลพันธ์เหลือเวลาอีกประมาณ 10 วันในการทำงานก่อนมารายงานความคืบหน้าในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง

สำหรับเงื่อนไขระยะทางการใช้เงินในรัศมี 4 กิโลเมตร อาจมีการปรับเปลี่ยนได้บ้าง แต่คงไม่ขยายไปมากนักเพราะอยากให้มีการใช้จ่ายแบบกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้จะมีการสรุปกันอีกครั้ง