ธปท.ค้านพักหนี้วงกว้าง-แจกเงินดิจิทัลถ้วนหน้า

เศรษฐกิจไทยปัจจุบันเป็นภาพการฟื้นตัว แม้จะช้ากว่าประเทศอื่น และโจทย์ของการดำเนินนโยบายการเงินที่สำคัญ คือ การทำให้นโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ระบุ เศรษฐกิจไทยปัจจุบันเป็นภาพการฟื้นตัว แม้จะช้ากว่าประเทศอื่น และโจทย์ของการดำเนินนโยบายการเงินที่สำคัญ คือ การทำให้นโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ ธปท.เป็นห่วงการมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะเสถียรภาพฝั่งการคลัง เพราะจากกรณีสหรัฐที่ถูกลดอันดับเครดิต เพราะไม่ใส่ใจด้านเสถียรภาพด้านการคลัง ดังนั้นเสถียรภาพการคลังจึงเป็นโจทย์ที่สำคัญ

สำหรับนโยบายพักหนี้ มองว่าเป็นนโยบายที่ควรมี แต่ไม่ควรเป็นนโยบายหลัก และไม่คิดว่าการพักหนี้วงกว้างเป็นสิ่งที่เหมาะสม ซึ่งนโยบายพักหนี้ เป็นนโยบายที่จำเป็นหรือเหมาะทำชั่วคราว เช่น สถานการณ์โควิดที่ต้องพักหนี้เป็นวงกว้าง แต่หลังผ่านสถานการณ์ดังกล่าว ธปท.พยายามถอยออกมาเพราะมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก

ดังนั้น การพักหนี้เป็นวงกว้างไม่เหมาะสมเพราะจำนวนไม่น้อยที่เกษตรกรเป็นหนี้เรื้อรัง และพักหนี้ไม่ช่วยปิดหนี้ได้ ดังนั้น การพักหนี้เกษตรกร อาจเหมาะสำหรับเกษตรกรบางกลุ่มที่เจอปัจจัยชั่วคราว และหากย้อนดูพบว่าการพักหนี้ 14 ครั้ง ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา กลุ่มพักหนี้กลับเป็นหนี้มากกว่าเดิมและมีโอกาสเป็นหนี้มากขึ้น ดังนั้นพักหนี้เป็นเครื่องมือที่ควรมีในกล่องเครื่องมือแต่ไม่ใช่เครื่องมือหลัก

สำหรับการแจกเงินดิจิทัล ขณะนี้รูปแบบนโยบายดังกล่าวยังไม่ชัดจึงต้องรอดูความชัดเจน แต่ความกังวลของ ธปท.ที่หารือกับนายกรัฐมนตรี คือ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยออกมาไม่สวยนัก โดยเศรษฐกิจไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1.8% ต่ำกว่าที่ ธปท.คาดไว้มาก ซึ่งการเติบโตมาจากการบริโภคเป็นหลักถือว่าฟื้นตัวค่อนข้างดี ทั้งในไตรมาส 1-2 แต่ตัวที่ขาดไปคือการลงทุน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฟื้นเศรษฐกิจ ด้วยภาคอื่นอาจสำคัญกว่าการกระตุ้นด้วยการบริโภค

นอกจากนี้ นโยบายหรือรูปแบบในการทำแบบเฉพาะเจาะจงเฉพาะกลุ่มที่ประหยัดงบประมาณกว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการเงินดิจิทัล 10,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท หากเป็นดิจิทัลแอสเซ็ท เป็นสิ่งที่ ธปท.พูดตลอดว่าไม่สนับสนุนและไม่ต้องการให้เป็นตัวกลางชำระเงิน แต่หากเป็นรูปแบบของอีมันนี่ที่ใช้ปัจจุบันต้องดูว่าทำให้เกิดอุปสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดผลกระทบการคลังหรือไม่

สำหรับตัวเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) ยืนยันว่าไม่สามารถใช้กับนโยบายนี้ เพราะเป็นโครงการเพื่อเรียนรู้และยังไม่พร้อมใช้ในวงเงินจำนวนมาก