“จุลพันธ์”เดินหน้าแก้หนี้เกษตรกร สหกรณ์ ครู ตำรวจ หวังประชาชนลืมตาอ้าปาก

“จุลพันธ์”เดินหน้าแก้หนี้เกษตรกร สหกรณ์ ครู ตำรวจ หวังประชาชนลืมตาอ้าปาก

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์”เดินหน้าพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ต่อด้วยแก้หนี้สหกรณ์-ครู-ตำรวจ หวังประชาชนลืมตาอ้าปาก วางเป้า 4 ปี เปิดประตูการค้า สร้างมูลค่าเกษตรเพิ่ม ดันไทยกลับมาเป็นครัวโลก เพิ่มจีดีพีภาคเกษตร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงข้อซักถามต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ถึงนโยบายการพักหนี้เกษตรกรว่า ขณะนี้ รัฐบาลได้เตรียมการเรื่องดังกล่าวไปมากแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้เดินหน้านโยบายดังกล่าว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สิน คาดภายในไตรมาสนี้จะสามารถเดินหน้าแก้ไขปัญหาในเรื่องการพักหนี้ให้กับเกษตรกรได้

“รัฐบาลหลายๆ ชุดได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาแล้วกว่า 13 ครั้ง แต่ไม่ได้ช่วยให้เกษตรกรพบทางออกของการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งด้วยภาวการณ์เศรษฐกิจที่กระทบประชาชน โดยเฉพาะภาคเกษตรที่อยู่ในภาวะที่ตรึงมือมาก หนี้สินอยู่ระดับสูง การพักหนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการต่อชีวิตให้กับประชาชนภาคการเกษตร โดยหลังจากดำเนินนโยบายพักหนี้ให้กับเกษตรกรแล้ว รัฐบาลจะมีโครงการที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐอีกมากมาย”

ทั้งนี้ รัฐบาลจะคัดกรองเกษตรกรตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม พร้อมกับเติมโครงการที่จูงใจให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพักหนี้ ให้สามารถลดภาระหนี้ และมีการบริหารการเงินที่ชัดเจน ส่งเสริมการสร้างรายได้ เช่น การปลูกพืชที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ตามนโยบายของรัฐที่จะใช้ตลาดนำ นำนวัตกรรมเสริม และเพิ่มรายได้

“เราวางเป้าจีดีพีในภาคเกษตร โดยประชาชน 1 ใน 3 ของประเทศ หรือราว 10 ล้านคน อยู่ในภาคเกษตร สามารถสร้างมูลค่าจีดีพีได้เพียง 7% ซึ่งเป็นเป้าหมายว่า เราจะเพิ่มมูลค่าการเกษตรภายในระยะเวลา 4 ปี เพื่อที่จะให้พี่น้องการเกษตรกรลืมตาอ้างปากได้อย่างแท้จริง โดยมีแนวทางเจรจาการค้ากับหลายประเทศ เพื่อเปิดประตูการค้า เรามองเห็นปัญหาเอลนีโญที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นปัญหาโลกร้อน”

สำหรับสถานการณ์เอลนีโญที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะเกิดภาวะขาดแคลนเรื่องอุปทาน และอาหารจำนวนมากในโลก เชื่อว่า หากไทยสร้างความแข็งแกร่งในภาคการเกษตรได้ เราจะสามารถกลับมาเป็นครัวโลกได้อย่างภาคภูมิ เกษตรกรจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ กลไกอื่นๆที่จะเข้ามาสนับสนุน จะใช้เทคโนโลยีการเกษตรกรแม่นยำ จะใช้กลไกความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เพื่อพลิกฟื้นชีวิตให้กับเกษตรกร

ส่วนหนี้ภาคอื่นๆ มีแผนงานที่รองรับไว้ รวมทั้งแหล่งทุนที่จะนำไปพัฒนา โดยจะครอบคลุมไปถึงการดูแลหนี้สหกรณ์ ราชการครู ตำรวจ และราชการอีกมามาย ซึ่งอยู่ในภาวะที่เราต้องช่วยเหลือ เพื่อปรับแก้โครงสร้าง ลดภาระ เพื่อให้กลับมายืนได้อย่างแข็งแกร่ง ที่สำคัญจะดูแลเรื่องหนี้นอกระบบด้วย ซึ่งมีจำนวนมหาศาล จะเดินหน้าแก้ไข และดึงให้ประชาชนกลับมาอยู่ในภาคที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ในเรื่องสวัสดิการของรัฐนั้น รัฐบาลจะคำนึงถึงภาระงบประมาณ โดยเราต้องอยู่กับความเป็นจริง เนื่องจาก สถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ โครงสร้างงบประมาณ จีดีพีของไทยต่ำกว่าหลายประเทศ ภาวการณ์จัดเก็บรายได้ผู้ที่อยู่ในฐานภาษีนั้น ยังไม่สามารถจัดทำสวัสดิการถ้วนหน้าได้จริง 

“ทุกท่านทราบดีว่า ไทยยังไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะรองรับการจัดทำสวัสดิการถ้วนหน้า สิ่งที่สำคัญที่สุดของไทย คือ การสร้างเค้กให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้รัฐจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น และนำภาษีเหล่านั้นกลับไปทำสวัสดิการ โดยรัฐบาลมีความตั้งใจทำสวัสดิการโดยรัฐให้กับประชาชนในระดับที่เหมาะสม และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ ตระหนักเรื่องวินัยการเงินการคลัง จะไม่สามารถทำสิ่งที่กระทบไม่ได้ แต่จะสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจนสามารถสร้างสวัสดิการให้คนไทยทุกคนได้”