อุตสาหกรรมชงมาตรการใหม่ อุดหนุนเงินชาวไร่ไม่เผาอ้อย ลดปัญหาฝุ่น PM2.5

อุตสาหกรรมชงมาตรการใหม่ อุดหนุนเงินชาวไร่ไม่เผาอ้อย ลดปัญหาฝุ่น PM2.5

กระทรวงอุตฯ ชงมาตรการใหม่ อุดหนุนเงินช่วยเกษตรกรที่ไม่เผาอ้อย พร้อมช่วยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรมบริหารจัดการไร่อ้อย หวังลดปริมาณอ้อยไฟไหม้แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรร กล่าวว่า กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการเสนอให้มีการกำหนดแนวทางการสนับสนุนส่งเสริมในรูปแบบใหม่ที่ตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพอย่างครบวงจร ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มิได้ลักลอบเผาไร่อ้อยของตนเองหรือไร่อ้อยของผู้อื่นตลอดช่วงฤดูการผลิตปี 2565/2566 

โดยจะเป็นการให้สนับสนุน ทั้งในรูปแบบที่ให้เป็นตัวเงิน (in cash) แก่ชาวไร่อ้อย และในรูปแบบที่ให้เป็นระบบการบริหารจัดการไร่อ้อยและการตัดอ้อยด้วยเทคโนโลยีเกษตรอุตสาหกรรม (in kind) ภายใต้วงเงินที่เหมาะสมและไม่เป็นภาระงบประมาณเกินความจำเป็น เพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ของรัฐในการจัดการกับปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างยั่งยืน และไม่ให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสร้างปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5

“อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นเกษตรอุตสาหกรรมที่มีกฎหมายและมีหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมอ้อยกลับเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 เนื่องจากการเผาไร่อ้อย ซึ่งทำให้เกิดฝุ่นควันปริมาณสูง ทั้งยังสามารถคงค้างอยู่ในบรรยากาศเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือนของทุกปี และแผ่ขยายได้ตามทิศทางลม จึงปกคลุมหนาแน่นทั่วพื้นที่ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประชาชนกว่า 44 ล้านคน”

จากข้อมูลสถิติการลักลอบเผาอ้อย พบว่า ฤดูการผลิตปี 2563/2564 มีอ้อยที่ถูกลักลอบเผาสูงถึง 17.61 ล้านตัน จากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 66.66 ล้านตัน หรือคิดเป็น 26.42% ขณะที่ฤดูการผลิตปี 2564/2565 มีอ้อยที่ถูกลักลอบเผาสูงถึง 25.12 ล้านตัน จากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 92.07 ล้านตัน หรือคิดเป็น 27.28% และฤดูการผลิตปี 2565/2566 พบว่ามีอ้อยที่ถูกลักลอบเผาสูงถึง 30.78 ล้านตัน จากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 93.89 ล้านตัน หรือคิดเป็น 32.78% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

โดยพื้นที่ที่เกิดการลักลอบเผาอ้อยคิดเป็นประมาณ 3.08 ล้านไร่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าฤดูการผลิตที่ผ่านมา มาตรการสนับสนุนเงินช่วยเหลือในลักษณะการให้เงินแบบเดิมในอัตรา 120 บาทต่อตันอ้อย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 และมติ ครม. เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 จำนวนเงินรวม 14,384.79 ล้านบาท ควบคู่กับมาตรการป้องปรามของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ยังมีประสิทธิภาพโดยรวมไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาให้อ้อยถูกเผาหมดไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล 

ดังนั้น จึงต้องทบทวนมาตรการและกลไกการบูรณาการในการจัดการกับปัญหาการเผาไร่อ้อย ทั้งในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมกับการออกแบบมาตรการส่งเสริมรูปแบบใหม่ เพื่อให้ชาวไร่และผู้ตัดอ้อยดำเนินการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการและการเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามกฎหมาย

“กระทรวงอุตสาหกรรมได้เน้นย้ำความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบด้านการกำกับดูแลให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอความร่วมมือให้กระทรวงมหาดไทยทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ถึงความพยายามร่วมกันของรัฐบาล ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่จะแก้ปัญหาฝุ่นพิษจากการเผาอ้อยให้เร็วที่สุด”