‘สภาพัฒน์’ เตือนรักษาวินัยการคลังรับมือ ศก.จีนทรุด – ภูมิรัฐศาสตร์โลกระอุ

‘สภาพัฒน์’ เตือนรักษาวินัยการคลังรับมือ ศก.จีนทรุด – ภูมิรัฐศาสตร์โลกระอุ

"ดนุชา" เตือนรัฐบาลใหม่รักษาวินัยการคลังรับมือวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจจีน และภูมิรัฐศาสตร์จีน-ไต้หวัน คาบสมุทรเกาหลี ชี้ทำเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ สำคัญกว่ากระตุ้นระยะสั้น แนะแก้ปัญหาให้ตรงจุดเน้นแก้ภาคส่งออกเป็นหลัก

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ที่แถลงโดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ขยายตัวได้ 1.8% ตามการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง 3 ไตรมาส ทำให้การผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกลดลง เมื่อรวมกับการตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของงบลงทุนฯในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต้องชะลอออกไป

โดย สศช.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในปี 2566 ลงจาก 2.7 – 3.7% เหลือ 2.5 – 3.0 % เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยลบที่เศรษฐกิจไทยเผชิญในปีนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยอาจจะเจอกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่จะมากระทบกับเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้หรือว่าปีหน้าซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ สศช.เตือนว่ารัฐบาลใหม่ต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งรักษาวินัยการเงิน การคลังของประเทศเพื่อรองรับวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้น  

ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่าการบริหารเศรษฐกิจในระยะต่อไปต้องให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศด้วยเนื่องจากในระยะต่อไปเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในขณะนี้เศรษฐกิจจีนมีปัญหาพอสมควร ทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการเงิน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลมากนักว่าในที่สุดปัญหาดังกล่าวจะลามไปเป็นวิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ หากจีนต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจก็จะกระทบกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อมรองรับไว้ด้วย

 เช่นเดียวกับเรื่องของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะจีนและไต้หวัน และสถานการณ์รอบๆคาบสมุทรเกาหลีก็มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และมีการซ้อมรบกันบ่อยครั้งมากขึ้นซึ่งทำให้มองว่าสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์บริเวณนี้มีความเปราะบาง

 

เมื่อถามถึงกรณีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่ามีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกหรือไม่เลขาธิการสศช.กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเสี่ยงภายนอก หากมีความเสี่ยงที่จะการเกิดปัญหาในเรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอีกครั้งเพื่อให้มีเครื่องมือนโยบายทางการเงินเพิ่มขึ้นในการรองรับกับวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า

“การเติบโตของเศรษฐกิจแบบมีเสถียรภาพมีความสำคัญกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ดังนั้นในระยะถัดไปตัวที่ต้องให้ความสำคัญคือการรักษาเสถียรภาพการเงินการคลัง เพราะยังไม่รู้ว่าในช่วงถัดไปจะเกิดปัญหาภายนอกมากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะเศรษฐกิจเนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลของเศรษฐกิจขณะที่นี้ยังคงมีข้อจำทำให้เคราะห์ค่อนข้างยาก ซึ่งหากดูจริงๆเศรษฐกิจจีนช่วงที่ผ่านมายังไม่เคยเจอวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นหากรอบนี้เจอวิกฤติเศรษฐกิจไม่รู้ว่าจะมีวิธีการแก้อย่างไร ตอนนี้ทุกคนเห็นเฉพาะภาคอสังหาและตัวShadow Banking หรือธนาคารเงาที่เจอวิกฤติแต่ไม่รู้ว่าปัญหามันลึกขนาดไหนเพราะมีข้อมูลค่อนข้างจำกัด”

ส่วนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้โต 5% ต่อปี นั้นต้องไม่ลืมว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจต้องไม่ไปเร่งการขยายตัวสูงเพราะจะไปเป็นปัญหาฐานของในปีถัดไปเหมือนถูกเร่ง ดังนั้นหากต้องการให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่องเพื่อให้การเติบโตไปได้ต่อ รัฐบาลต้องไปดูการเร่งการลงทุนเพื่อให้มันกระจายไปภาคการผลิตและการส่งออก

‘สภาพัฒน์’ เตือนรักษาวินัยการคลังรับมือ ศก.จีนทรุด – ภูมิรัฐศาสตร์โลกระอุ

“หากรัฐบาลใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก็ควรกระตุ้นให้ตรงจุด เพราะปัญหาของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องของการบริโภคในประเทศ แต่เป็นเรื่องของการส่งออกและการลงทุน ดังนั้นถ้าหกจะแก้ปัญหาก็ต้องแก้ให้ตรงจุดเสียก่อน  ถ้าจะมีมาตรการอะไรออกมา ก็อยากขอให้ดูข้อมูลและสถานการณ์ในช่วงนั้นด้วยว่า สถานการณ์ณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนั้นเป็นอย่างไร แล้วจะมีมาตรการอะไรช่วยพยุงหรือขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปให้ตรงจุด โดยเฉพาะด้นกรส่งออก ถ้ากรส่งออกหดตัวลงมาก ก็ทำให้เกิดปัญหาพันเข้ามาในประเทศได้” นายดนุชากล่าว